นายกฯบินญี่ปุ่นพรุ่งนี้ ประชุมผู้นำลุ่มน้ำโขง

นายกฯบินญี่ปุ่นพรุ่งนี้ ประชุมผู้นำลุ่มน้ำโขง

"ประยุทธ์"บิน"ญี่ปุ่น"พรุ่งนี้ เข้าร่วมการประชุมผู้นำลุ่มน้ำโขงกับญี่ปุ่น ครั้งที่ 7 ณ กรุงโตเกียว

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และคณะ อาทิ พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ , นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมและเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ( สภาพัฒน์) มีกำหนดการเข้าร่วมการประชุมผู้นำลุ่มน้ำโขงกับญี่ปุ่น ครั้งที่ 7 ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เพื่อยืนยันบทบาทของไทยในฐานะหุ้นส่วน เพื่อการพัฒนาและร่วมกำหนดยุทธศาสตร์ความร่วมมือฉบับใหม่

รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า การประชุมความร่วมมือลุ่มน้ำโขงกับญี่ปุ่น ประกอบด้วยสมาชิก 6 ประเทศได้แก่ ไทย เมียนมา สปป. ลาว กัมพูชา เวียดนาม และญี่ปุ่น ริเริ่มโดยญี่ปุ่นเมื่อปี 2551 เพื่อลดช่องว่างเพื่อการพัฒนาในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญในการสร้างความแข็งแกร่งให้แก่อาเซียน สนับสนุนการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนอย่างราบรื่น โดยไทยมีบทบาทเป็นประเทศหุ้นส่วนร่วมกับญี่ปุ่นในการพัฒนาอนุภูมิภาคนี้ และในการประชุมผู้นำลุ่มน้ำโขงกับญี่ปุ่นครั้งล่าสุด ซึ่งจัดขึ้นระหว่างการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ครั้งที่ 25 ณ กรุงเนปยีดอ เมียนมา ในวันที่ 12 พฤศจิกายน 2557 ที่ประชุมได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในลุ่มน้ำโขง การพัฒนาที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง การพัฒนาไปพร้อมกัน และการรักษาความมั่นคงของมนุษย์และความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อม

พล.ต.วีรชน กล่าวว่า การเข้าร่วมการประชุมผู้นำลุ่มน้ำโขงกับญี่ปุ่น ครั้งที่ 7 นี้ จะย้ำถึงบทบาทนำของไทยในฐานะหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาร่วมกับญี่ปุ่น โดยการประชุมในครั้งนี้ มีนัยยะสำคัญ เนื่องจากเป็นการแสดงวิสัยทัศน์ของไทย เพื่อร่วมกำหนดยุทธศาสตร์ความร่วมมือฉบับใหม่ในการพัฒนาลุ่มน้ำโขง คือ ยุทธศาสตร์โตเกียว ค.ศ. 2015 (Tokyo Strategy 2015 for Mekong-Japan Cooperation)

ซึ่งผู้นำทั้ง 6 ประเทศ จะร่วมรับรองในการประชุมครั้งนี้ด้วย ในส่วนของไทย นายกรัฐมนตรีจะย้ำความสำคัญของการเติบโตอย่างมีคุณภาพ ได้แก่ การพัฒนาที่ยั่งยืน มั่นคง ครอบคลุมทุกมิติ และคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของไทยในการพัฒนาความเชื่อมโยงและการพัฒนาที่ส่งเสริมให้ประเทศสมาชิกเติบโตไปพร้อมกัน โดยเน้นการสร้างงาน สร้างรายได้ โดยการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษบริเวณชายแดน Thailand +1 และการพัฒนาฝีมือแรงงาน เพื่อให้ลุ่มน้ำโขงเป็นพลังขับเคลื่อนของอาเซียนและของภูมิภาคที่ยั่งยืน ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับทั้งประเทศ CLMVและญี่ปุ่นด้วย

รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า ระหว่างการเยือนครั้งนี้ นายกรัฐมนตรีและผู้นำลุ่มน้ำโขงยังมีกำหนดการสำคัญอื่นๆ อาทิ การพบปะ และการเข้าร่วมประชุมกับภาคส่วนต่างๆที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาในลุ่มน้ำโขง อาทิ กลุ่มสมาชิกภาพรัฐสภาแม่โขง-ญี่ปุ่น การเข้าร่วมประชุม Mekong-Five Economic Forum ที่จัดโดย JETRO การพบหารือกับประธานรัฐสภาผู้แทนราษฎรญี่ปุ่นและประธานวุฒิสภาญี่ปุ่น การพบปะและร่วมรับประทานอาหารกลางวันกับผู้นำภาคเอกชนญี่ปุ่น ได้แก่สมาพันธ์ธุรกิจญี่ปุ่น (Keidanren) และสภาหอการค้าและอุตสาหกรรมญี่ปุ่น (JCCI)

พล.ต.วีรชน กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีของไทยยังมีกำหนดหารือทวิภาคีกับนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น และร่วมเป็นสักขีพยานการลงนามบันทึกแสดงเจตจำนงความร่วมมือโครงการทวายระหว่างไทย – เมียนมา – ญี่ปุ่น ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของความร่วมมือที่เป็นรูปธรรม และเป็นการเพิ่มบทบาทของญี่ปุ่นในภูมิภาคลุ่มน้ำโขงอีกด้วย