ปรับลง

ปรับลง

ทยอยขายทำกำไร (นักลงทุนระยะกลางรอซื้อเมื่ออ่อนตัว บริเวณแนวรับ 1448 จุด)

Market Outlook

คาดดัชนีฯ วันนี้ ปรับลง ปัญหากรีซกดดัน แนะนำ ทยอยขายทำกำไร รอซื้อคืนแนวรับ

คาดดัชนีฯ วันนี้ ปรับลง แนวรับ 1504/1500 จุด แนวต้าน 1515/1520 จุด โดยคาดวันนี้ไม่มีแรงหนุนจาก window dressing เหมือนวานนี้ที่มีแรงซื้อเข้ามาในช่วงท้ายตลาด เนื่องจากเป็นวันทำการสุดท้ายของสัญญา Futures และยังมีแรงกดดันจากปัจจัยกรีซ ที่รัฐบาลกรีซประกาศจะไม่จ่ายหนี้ IMF ในวันนี้ รวมถึงจุดยืนของนายกฯ กรีซที่เรียกร้องให้ประชาชนโหวต “No” ต่อมาตรการรัดเข็มขัดของกลุ่มเจ้าหนี้ในการทำประชามติวันอาทิตย์นี้ เพิ่มความเสี่ยงต่อการผิดนัดชำระหนี้เพิ่มขึ้นของกรีซ รวมถึงโอกาสของการออกจากยูโรโซน ขณะที่ปัจจัยในประเทศวันนี้จับตาการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจเดือน พ.ค. ของธปท. ซึ่งคาดโดยรวมการบริโภคและ ลงในประเทศยังฟื้นตัวได้ช้า และการส่งออกยังหดตัว

กลยุทธ์  คงคำแนะนำ ทยอยขายทำกำไร (นักลงทุนระยะกลางรอซื้อเมื่ออ่อนตัว บริเวณแนวรับ 1448 จุด)

ปัจจัยต่างประเทศ

กรีซครบกำหนดชำระหนี้วันนี้ (ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย) โดยวันนี้กรีซมีกำหนดต้องชำระหนี้คืนให้ IMF ราว 1.6 พันล้านยูโร โดยรัฐบาลได้ส่งสัญญานว่าจะไม่มีการชำระหนี้เกิดขึ้นในวันนี้ ซึ่งถือเป็นการผิดนัดชำระหนี้ ครั้งที่ 2 ในรอบ 4 ปี (ครั้งก่อนเมื่อเดือนตุลาคม 2011) ทั้งนี้ สิ่งที่ตลาดเป็นกังวลนอกเหนือไปจากประเด็นการผิดนัดชำระหนี้ คือการทำประชามติในวันที่ 5 ก.ค. นี้ โดยยูโรกรุ๊ป ได้เตือนประชาชนและรัฐบาลกรีซว่าการโหวต “No” ต่อข้อเสนอแผนการช่วยเหลือทางการเงินจะนำมาสู่การต้องออกจากยูโรโซนด้วย ซึ่งตรงข้ามกับจุดยืนของนายกฯ กรีซ ที่เรียกร้องให้ประชาชนโหวต “No” โดยกล่าวว่าจะทำให้กรีซมีจุดยืนที่แข็งแกร่งมากขึ้น ในการเจรจาต่อรองกับกลุ่มเจ้าหนี้ พร้อมทั้งมีท่าทีแข็งกร้าวว่าชาติสมาชิกอื่นๆ จะไม่กล้าไล่กรีซออกจากยูโรโซน

ทั้งนี้ ปัญหาหนี้กรีซได้ซับซ้อนขึ้นจากความเกี่ยวข้องกับการเมือง เนื่องจากนายกฯ กรีซคนปัจจุบันสนับสนุน นโยบายต่อต้านมาตรการรัดเข็มขัดมาโดยตลอด หากประชาชนกรีซโหวต “Yes” ต่อมาตรการรัดเข็มขัดอาจหมายถึงนายกฯ จะหมดความน่าเชื่อถือและอาจต้องลาออกจากตำแหน่ง

อย่างไรก็ดี ค่าเงินยูโรกลับแข็งค่าขึ้นมาวานนี้ จากนักลงทุนมากว่าเศรษฐกิจยุโรปโดยรวมจะไม่ถูกกระทบจากปัญหาหนี้กรีซ และอีซีบียังมีทางเลือกที่จะเร่งการซื้อสินทรัพย์ในโครงการ QE (Front-load) จากเดิมที่กำหนดซื้อเดือนละ 6 หมื่นล้านยูโร (ดูรูปในเล่ม)


ปัจจัยในประเทศ

จับตาตัวเลขเศรษฐกิจจากธปท. วันนี้ธปท. จะมีการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจในประเทศเดือน พ.ค. ซึ่งเราคาดทิศทางโดยรวมจะยังฟื้นตัวได้ช้า โดยแรงฉุดยังมาจากภาคการส่งออก ขณะที่สถาบันการเงินในประเทศเริ่มได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจชะลอตัว วานนี้ KBANK มีการปรับลดเป้าหมายธุรกิจปีนี้ลง และการปรับเพิ่มเป้าหมาย NPL ขึ้นเป็น 2.7-2.8% (จากเดิมราว 2.5%) ซึ่งเราคาดว่าธนาคารพาณิชย์อื่นๆ อาจมีการปรับตัวเลขในทิศทางเดียวกัน

สำหรับข่าวดี คาดการท่องเที่ยวในประเทศจะยังสามารถขยายตัวได้ดีโดยคาดตัวเลขนักท่องเที่ยวเดือน มิ.ย. ขยายตัวได้กว่า 50% และหากผ่านพ้นวันที่ 2 ก.ค. ไม่พบผู้ติดเชื้อเมอร์สรายใหม่ ไทยจะพ้นจากระยะเฝ้าระวัง และจะสามารถประกาศปราศจากโรคเมอร์สได้

สัญญาณทางเทคนิค แม้ดัชนีมีการฟื้นตัวกลับขึ้นมายืนเหนือระดับ 1500 จุด แต่รูปแบบระยะกลางของดัชนีฯ ยังคงเป็นรูปแบบขาลง Descending triangle โดยมีสัญญาณลงไปที่ 1475/1448 จุด ขณะที่แนวต้านหลักถัดไปอยู่ที่บริเวณ 1536 จุด (หากไม่ผ่านจะยังหลุดพ้นแนวโน้มขาลง)