ข้อมูลเศรษฐกิจแกร่งหนุนหุ้นสหรัฐปิดบวก

ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปรับขึ้น 64.33 จุด หรือ 0.36% มาอยู่ที่ 18,076.27 จุด

ส่วนดัชนีเอส แอนด์ พี 500 เพิ่มขึ้น 4.47 จุด หรือ 2,111.07 จุด และดัชนี แนสแด็ก ไต่ระดับขึ้นมา 22.71 จุด หรือ 0.45% ปิดซื้อขายที่ 5,099.23 จุด

เมื่อวานนี้ ทางการสหรัฐได้รายงานตัวเลขเศรษฐกิจออกมาจำนวนหนึ่ง ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในทิศทางที่ดี รวมถึง ตัวเลขขาดดุลการค้าในเดือนเมษายนที่ผ่านมา และการจ้างงานใหม่ของภาคเอกชนจำนวน 201,000 ตำแหน่งเมื่อเดือนพฤษภาคม

นอกจากนี้ รายงานเบจบุ๊ค ของธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟด ยังระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐ ได้กลับมาสู่การเติบโตในระดับพอประมาณ ถึงปานกลาง ในช่วงเดือนเมษายน และพฤษภาคมที่ผ่านมา หลังจากที่ตกอยู่ในภาวะชะงักงันในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้

ขณะที่ประธานธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) "นายมาริโอ ดรากี" ก็ได้เพิ่มแรงหนุนให้กับตลาด จากการออกมากล่าวชื่นชมนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของธนาคาร และว่า ไม่มีแผนที่จะยุติการดำเนินนโยบายทางการเงินแบบผ่อนคลายอย่างมากเร็วกว่าที่กำหนดไว้แต่อย่างใด

ท่าทีของอีซีบี ยังหนุนให้ตลาดหลักทรัพย์หลักๆ ของยุโรป ปรับตัวสูงขึ้นเช่นกัน แม้จะเกิดแรงเทขายในช่วงท้ายของวัน สะท้อนถึงการเทขายพันธบัตรเยอรมนี เนื่องจากอีซีบีปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์เงินเฟ้อปีนี้ขึ้นมาอยู่ที่ 0.3% และบอกว่าจะมองข้ามภาวะไร้เสถียรภาพในตลาดตราสารหนี้

ดัชนีเอฟทีเอสอี 100 ของอังกฤษ ปรับขึ้นมา 0.32% มาอยู่ที่ 6,950.46 จุด ส่วนดัชนีแค็ก 40 ของฝรั่งเศส เพิ่มขึ้น 0.59% ที่ 5,034.17 จุด และดัชนีแด็กซ์ 30 ในเยอรมนี ทะยานขึ้นมา 0.80% ปิดซื้อขายที่ 11,419.62 จุด

น้ำมันร่วงรับผลผลิตสหรัฐเพิ่ม
ราคาน้ำมันดิบกลับมาเดินสู่ขาลงอีกครั้ง หลังรายงานปริมาณน้ำมันรายสัปดาห์ของสหรัฐ แสดงให้เห็นว่า สหรัฐมีปริมาณการผลิตน้ำมันดิบ ในช่วง 1 สัปดาห์ นับถึงวันที่ 29 พฤษภาคมที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นวันละเกือบ 20,000 บาร์เรล ซึ่งผิดไปจากที่บรรดานักลงทุนคาดการณ์ว่า เหล่าผู้ผลิตจะลดกำลังการผลิตลงมา

ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส อินเตอร์มีเดียท ส่งมอบเดือนกรกฎาคม ที่ตลาดไนเม็กซ์ สหรัฐ ลดลง 1.62 ดอลลาร มาอยู่ที่ 59.24 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์ ทะเลเหนือ ในตลาดลอนดอน อังกฤษ ส่งมอบเดือนเดียวกัน ร่วงลง 1.69 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 63.80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล