สอบแบล็ตเตอร์ พันโกงบอลโลก

สอบแบล็ตเตอร์ พันโกงบอลโลก

หลังจากที่ เซปป์ แบล็ตเตอร์ ประกาศลาออกจากตำแหน่งประธานสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือฟีฟ่า เมื่อคืนวันที่ 2 มิ.ย.

 ทั้งที่เพิ่งได้รับเลือกตั้งจากสมาชิกให้ดำรงตำแหน่งประธานเป็นสมัยที่ 5 เมื่อสิ้นเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา โดยให้เหตุผลว่า ต้องการให้ฟีฟ่าได้รับการยอมรับจากนานาประเทศ หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีฝ่ายบริหารฟีฟ่าโดนจับไปหลายคน

“ตอนนี้ทุกฝ่ายต้องช่วยกันกอบกู้ชื่อเสียงของฟีฟ่า ผมได้รับการโหวตให้ทำหน้าที่เป็นประธาน แต่กลับไม่่ได้รับการสนับสนุนจากคนในองค์กรนี้ ผมจะจัดการประชุมใหม่ เพื่อหาคนมาทำหน้าที่เป็นประธานแทนผม เพราะผมจะไม่ทำหน้าที่นี้แล้ว” แบล็ตเตอร์ กล่าว

ก่อนหน้านี้ ตำรวจสหรัฐอเมริกาและตำรวจสากลได้บุกจับกุม 7 ผู้บริหารระดับสูงของฟีฟ่า ที่มาจากชาติในทวีปอเมริกาเหนือ และอเมริกาใต้ ที่โรงแรมหรู ในช่วงก่อนการเลือกตั้งประธานคนใหม่ที่เมืองซูริก ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โดยทั้ง 7 คนที่ถูกจับกุมมีรายชื่ออยู่ในกลุ่ม 14 ผู้ต้องสงสัยในคดีทุจริตเกี่ยวกับเรื่องรับเงินสินบนเมื่อปี 2010 ในช่วงที่มีการประชุมเพื่อเลือกเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 และ 2022 ก่อนที่ รัสเซีย จะได้รับให้จัดการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 ส่วนกาตาร์ได้รับเลือกให้จัดฟุตบอลโลก 2022 ท่ามกลางข้อครหาในเรื่องสภาพอากาศของดินแดนตะวันออกกลางที่ร้อนจัด

อัยการสหรัฐอเมริกา ได้ยื่นเรื่องฟ้องร้องผู้ต้องสงสัยทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว เพราะคาดว่าจะมีส่วนพัวพันกับเงินสินบนเป็นจำนวนสูงถึง 150 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 4,950 ล้านบาท) แม้ก่อนหน้านี้ ฟีฟ่าจะได้ออกแถลงการณ์ปฏิเสธรายงานข่าวที่ว่า เฌโรม วัลค์เก เลขาธิการชาวฝรั่งเศส เป็นผู้รับผิดชอบโอนเงินจำนวน 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 330 ล้านบาท) ให้แก่ แจ็ค วอร์เนอร์ อดีตรองประธานชาวตรินิแดดและโตเบโกที่ถูกจับกุมไปแล้ว แต่ตอนนี้ แบล็ตเตอร์ กลายเป็นหนึ่งในผู้ต้องสงสัยว่ามีส่วนรู้เห็นกับเรื่องทุจริตด้วย

ทำให้กรมสอบสวนกลางของสหรัฐอเมริกา หรือเอฟบีไอ เตรียมเรียกตัว แบล็ตเตอร์ มาสอบสวนเรื่องคอร์รัปชั่นที่เกิดขึ้นในช่วงที่ดำรงตำแหน่งเป็นประธานฟีฟ่า โดย ลอเรตตา ลินช์ เจ้าหน้าที่อัยการกลาง เปิดเผยว่า มีหลักฐานที่ระบุได้ว่าผู้ต้องหาได้มีการใช้ธนาคารในสหรัฐอเมริกาเพื่อสั่งจ่ายเงินสินบนทั้งหมด อย่างไรก็ตาม แบล็ตเตอร์จะยังคงต้องนั่งเก้าอี้รักษาการประธานฟีฟ่าไปก่อน ส่วนเรื่องการเลือกตั้งประธานคนใหม่ คาดว่าจะมีขึ้นในที่ประชุมใหญ่ช่วงเดือนธันวาคม หรือเดือนมีนาคมปีหน้า