เตือนเกษตรกรลุยน้ำย่ำโคลน ระวังโรคฉี่หนู

เตือนเกษตรกรลุยน้ำย่ำโคลน ระวังโรคฉี่หนู

กรมควบคุมโรค เตือนเกษตรกรลุยน้ำ ย่ำโคลน ระวังโรคฉี่หนู ปีนี้พบผู้ป่วยแล้ว 378 ราย เสียชีวิต 5 ราย ระนองป่วยมากสุด

นพ.โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค(คร.) กล่าวว่า ขณะนี้เป็นช่วงเข้าสู่ฤดูฝนและช่วงเริ่มต้นฤดูการทำนาของเกษตรกร โรคที่ควรเฝ้าระวัง คือ โรคเล็ปโตสไปโรสิส(Leptospirosis) หรือโรคฉี่หนู จากข้อมูลเฝ้าระวังโรคของสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม -24 พฤษภาคม 2558 พบผู้ป่วยโรคฉี่หนูแล้ว 378 ราย ในพื้นที่ 48 จังหวัด เสียชีวิต 5 ราย กลุ่มอายุที่พบมากที่สุด คืออายุ 55-64 ปี (ร้อยละ 20.37) รองลงมา 45-54 ปีและ 35-44 ปีตามลำดับอาชีพส่วนใหญ่เป็นเกษตร ร้อยละ 52.1 และรับจ้าง ร้อยละ 22.8

ส่วนจังหวัดที่มีอัตราป่วยสูงสุด 5 อันดับแรก คือ ระนอง นครศรีธรรมราช ศรีสะเกษ น่าน และอุบลราชธานี นอกจากนี้ การเฝ้าระวังของกรมควบคุมโรคยังพบว่า สัปดาห์ที่ผ่านมา พบผู้ป่วยโรคฉี่หนู 6 ราย ที่จ.กาฬสินธุ์3 ราย, สุรินทร์ สุโขทัย และสงขลา จังหวัดละ 1 ราย และพบผู้ป่วยสงสัย 82 ราย ที่จ.ศรีสะเกษ ก่อนป่วยทั้งหมด มีประวัติไปขุดลอกคูคลอง จึงคาดว่าจะมีแนวโน้มพบผู้ป่วยโรคฉี่หนูเพิ่มขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายนเป็นต้นไป ซึ่งเป็นฤดูฝนและเริ่มการทำนาของเกษตรกรโดยเฉพาะพื้นที่ภาคใต้และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

นพ.โสภณ กล่าวอีกว่า กรมควบคุมโรค ได้สั่งการให้สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 1-12 ประสานการดำเนินงานกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทุกแห่ง และ อสม.

เพื่อเร่งประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ประชาชนในการป้องกันโรค และการดูแลเมื่อมีอาการป่วย เพื่อป้องกันการเสียชีวิตให้ได้มากที่สุดโดยโรคนี้รักษาให้หายขาดได้ แต่อาจติดเชื้อและป่วยซ้ำได้ซึ่งเป็นโรคติดต่อจากสัตว์ที่ทำให้เกิดการเจ็บป่วยในคน โดยเชื้อจะอยู่ในฉี่ของสัตว์ โดยเฉพาะหนู ทั้งหนูนา หนูป่า หนูบ้าน หนูท่อ รวมทั้งสัตว์อื่นๆ เช่น สุนัข แมว โค แพะ แกะเชื้อสามารถเข้าสู่ร่างกายโดยไชเข้าทางผิวหนังตามรอยแผล รอยขีดข่วน เยื่อบุของตา จมูก ปาก หรือผิวหนังปกติที่แช่น้ำเป็นเวลานาน และอาจติดเชื้อตรงจากการสัมผัสเชื้อและกินอาหารหรือน้ำที่มีเชื้อโรคปนเปื้อนอยู่

สำหรับอาการของโรคไข้ฉี่หนู ส่วนใหญ่มีอาการไม่รุนแรง เช่น มีไข้ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ โดยเฉพาะน่อง มีเลือดออกใต้เยื่อบุตาขาว เป็นต้น มีน้อยรายที่จะมีอาการรุนแรงและเสียชีวิต การป้องกันโรคไข้ฉี่หนู มีคำแนะนำดังนี้ 1.หลีกเลี่ยงการเดินลุยน้ำย่ำโคลนที่ชื้นแฉะ และไม่ควรแช่น้ำเกิน4-6 ชั่วโมง 2.ผู้ที่ต้องทำงานที่เสี่ยงต่อโรค เช่น เก็บเกี่ยวข้าวหรือดำนาในแปลงนา ที่สำคัญไม่ควรลงแช่น้ำขณะมีบาดแผลหากจำเป็นควรปิดบาดแผลให้มิดชิด และสวมถุงมือยาง ใส่รองเท้าบู๊ท 3.รีบล้างตัวทำความสะอาดทันทีเมื่อขึ้นจากแหล่งน้ำหากสัมผัสแหล่งน้ำแล้ว 4.กำจัดขยะในบ้านเรือน ที่ทำงาน ให้สะอาด โดยเฉพาะเศษอาหาร เพื่อไม่ให้เป็นแหล่งอาหารของหนู

“หากประชาชนมีอาการป่วยดังต่อไปนี้ คือ มีไข้สูงทันทีทันใด ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อโดยเฉพาะที่น่อง ปวดกระบอกตา หลังจากการลุยน้ำขัง ขอให้สงสัยไว้ก่อนว่าอาจเป็นโรคฉี่หนู และรีบไปพบแพทย์เพื่อรีบให้การรักษาเนื่องจากโรคนี้มียารักษาหายขาดได้ อย่าซื้อยากินเอง ซึ่งจากการติดตามประวัติในกลุ่มที่เสียชีวิตพบว่าส่วนใหญ่มักจะซื้อยาไปกินเอง โดยเฉพาะยาแก้ที่มีฤทธิ์แก้ปวดและลดไข้ด้วย เพราะเข้าใจว่าเป็นไข้ทั่วไปที่เกิดจากการทำงานหนัก จึงทำให้อาการรุนแรงขึ้น เชื้อโรคเข้าไปทำลายอวัยวะอื่น เช่น ไต ทำให้ไตวาย และเสียชีวิตได้ ทั้งนี้ประชาชนสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร1422” นพ.โสภณ กล่าว