'สมยศ'เตรียมถอดยศ'ทักษิณ' เข้าข่ายผิดระเบียบตำรวจ

'สมยศ'เตรียมถอดยศ'ทักษิณ' เข้าข่ายผิดระเบียบตำรวจ

ผบ.ตร.ฟันเตรียมถอดยศ"ทักษิณ" เข้าข่ายผิดระเบียบตำรวจ ยันไม่กลั่นแกล้ง

จากกรณีที่ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร.ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาดำเนินการเกี่ยวกับการถอดยศตำรวจ ตามคำสั่ง ตร.ที่ 256/2558 ลงวันที่ 1 พ.ค. 2558 โดยมี พล.ต.อ.ชัยยะ ศริอัมพันธ์กุล ที่ปรึกษา สบ10 เป็นประธาน โดยที่ประชุมได้มีการตรวจสอบแล้วพบว่ามีเอกสารยืนยันเป็นที่ประจักษ์จากหน่วยงานราชการหลายหน่วยงานว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ต้องหาหลบหนีคดีอาญา เข้าข่ายเหตุอย่างหนึ่งอย่างใดในการถอดยศตามระเบียบ ตร.ว่าด้วยการถอดยศ โดยเตรียมนำผลการประชุมเสนอ ผบ.ตร.พิจารณาได้ภายใน 1-2 วันนี้ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างทบทวนในรายละเอียดอีกครั้ง เบื้องต้นคณะกรรมการได้สรุปความเห็นไปแล้วยืนยันว่าการพิจารณาครบถ้วนสมบูรณ์ทุกอย่างแล้ว มีทุกมิติ ทางคณะกรรมการสามารถตอบคำถามได้ทั้งหมดนั้น

 พล.ต.อ.ชัยยะ ศิริอัมพันธ์กุล ที่ปรึกษา สบ10 เปิดเผยเกี่ยวกับกรณีดังกล่าวว่า ในวันนี้ได้รับมอบหมายจาก ผบ.ตร.ชี้แจงให้สื่อมวลชนทราบกรณีที่ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้มีการพิจารณาเสนอกฎหมาย พ.ร.บ.2547 ว่าด้วยการถอดยศ เพื่อไม่ให้เป็นการสับสนในข้อมูล และอยากทำความเข้าใจกับทุกฝ่ายว่า การพิจารณาครั้งนี้มีที่มาที่ไป เนื่องด้วยมีประชาชนจำนวนมากเข้าร้องเรียนกับทางสำนักงานตรวจการแผ่นดิน จึงได้มีหนังสือถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อปี 2557 ให้พิจารณาในประเด็นเกี่ยวกับเรื่องการถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จำเลยในคดีทุจริตจัดซื้อที่ดิน ถนนรัชดาภิเษก ซึ่งถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาจำคุก 2 ปี ขณะนี้อยู่ระหว่างหลบหนีคดี ตามที่ตกเป็นข่าวมาโดยตลอดว่า ในกรณีดังกล่าวนั้นทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติในอดีตได้พิจารณาเพียงส่วนหนึ่ง เนื่องจากยังไม่ครบประเด็นเกี่ยวกับเรื่องระเบียบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่าด้วยการถอดยศ ปี2547 ซึ่งระเบียบนี้ออกด้วยตามอำนาจ พ.ร.บ.สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 ในมาตรา 28 ว่าด้วยการถอดยศ ซึ่งการถอดยศในมาตราดังกล่าว ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติออกระเบียบ เพื่อให้กำหนดขั้นตอน หรือหลักเกณฑ์ในการถอดยศเอง ทั้งหมดนี้เป็นที่มาของกรณีดังกล่าว

พล.ต.อ.ชัยยะ กล่าวต่อว่า ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้พิจารณาเพียงส่วนหนึ่ง ซึ่งขณะนี้ได้ข้อยุติแล้ว ส่วนที่ยังไม่ได้พิจารณาทางสำนักงานตรวจการแผ่นดินนั้นได้มีประเด็นเพิ่มให้ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติพิจารณาในประเด็นว่าด้วยการถอดยศ ในข้อ 1 (6) เกี่ยวกับผู้ต้องหาในคดีอาญาที่หลบหนีไป โดยผู้ต้องหาไม่ได้อยู่ในราชการ ซึ่งในส่วนนี้เองทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมา โดย ผบ.ตร.ได้มอบหมายให้ตนเป็นประธานในการประชุม มี ผู้ช่วย ผบ.ตร. ผู้แทนผู้บัญชาการสำนักงาน กต.ร. ผู้บัญชาการสำนักงานกำลังพล ผู้แทนผู้บัญชาการสำนักงานกฎหมายและคดี และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องอีกหลายนาย เพื่อให้ครอบคลุมเนื้อหาสาระ หรือระเบียบในการปฏิบัติเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างตรงไปตรงมา

“กรณีนี้ไม่ใช่เรื่องเก่าถือเป็นเรื่องใหม่ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นในการรวบรวมเอกสารที่เกี่ยวข้องในประเด็นต่างๆ ตั้งแต่ปี 2551 เป็นต้นมา ซึ่งทางคณะกรรมการได้พิจารณาเสร็จสิ้นไปตั้งแต่สัปดาห์ก่อน ทั้งนี้ ขอยืนยันว่าการพิจารณาครั้งนี้เป็นไปตามระเบียบของข้อกฎหมาย โดยจากการตรวจสอบเป็นที่แน่ชัดว่ากรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องคดีอาญาแผนกคดีทางการเมือง ที่มีการออกหมายจับไว้แล้ว มีทั้งหมด 7 หมาย ส่วนหมายจับที่หมดอายุความไปแล้ว 2 หมาย และยังเหลืออีก 5 หมาย ได้นำมาพิจารณาในพฤติการณ์ และข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องทุกด้านทุกมิติ จนที่ผ่านมาบางมิติมีการหารือในเรื่องข้อกฎหมาย ทั้งนี้ในที่ประชุมก็ได้มีความคิดเห็นที่หลากหลาย ให้ทุกคนแสดงความคิดเห็นอภิปรายในคณะกรรมการนี้ และมีความเห็นสอดคล้องต้องกันเป็นเอกฉันท์ว่าในกรณีดังกล่าวนั้น เข้าเกี่ยวกับเงื่อนไข ข้อที่ 1 (6) คือเป็นผู้ต้องหาในคดีอาญาและหลบหนีไป ซึ่งมีหลักฐานตลอดจนหมายจับอย่างชัดเจน อย่างไรก็ตาม ในวันนี้ทางคณะกรรมการจะนำเรียน ผบ.ตร.เพื่อพิจารณาตามขั้นตอน ก่อนส่งต่อไปยังเลขาคณะรัฐมนตรี เพื่อพิจารณาอีกครั้ง จนกว่าจะมีพระบรมราชโองการถือว่าเสร็จสิ้นขบวนการ” ที่ปรึกษาสบ10 กล่าว

จากนั้นผู้สื่อข่าวถามว่าเรื่องใหม่นั้นคือเรื่องใด ทาง พล.ต.อ.ชัยยะ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่มีประชาชนเข้าร้องเรียนกับทางสำนักงานตรวจการแผ่นดินมาโดยตลอด จนมีการส่งเรื่องมาให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการพิจารณาเรื่องดังกล่าว ซึ่งทางคณะกรรมการได้นำกรณีคำพิพากษาให้จำคุก พ.ต.ท.ทักษิณ มาร่วมในการพิจารณาครั้งนี้ ถือว่าเข้าองค์ประกอบผิดระเบียบว่าด้วยการถอดยศของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทั้งนี้หากการกระทำความผิดเข้าข่ายเพียงข้อใดข้อหนึ่ง ผบ.ตร.เป็นผู้มีอำนาจพิจารณาสามารถนำเสนอในการถอดยศได้ ซึ่งการพิจารณาครั้งนี้คณะกรรมการได้มีการไตร่ตรองอย่างละเอียดรอบครอบ พร้อมทั้งยืนยันว่าทางคณะกรรมการทำงานตามข้อกฎหมายทุกประการ ไม่ได้มีการกลั่นแกล้งแต่อย่างใด ส่วนพ.ต.ท.ทักษิณ จะขอใช้สิทธิ์โต้แย้งนั้น ทางสำนีกงานตำรวจแห่งชาติไม่ได้ปิดกั้นแต่อย่างใด สามารถใช้สิทธิ์ได้ แต่ทางคณะกรรมการได้ตรวจสอบแล้วทางอดีตนายกฯ มีความผิดจริง ซึ่งเราทำตามข้อเท็จจริงตามข้อกฎหมายเท่านั้น

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า ที่ผ่านมาเคยมีกรณีการถอดยศบ้างหรือไม่ ทาง ที่ปรึกษา (สบ10) กล่าวว่า กรณีการถอดยศมีด้วยกันหลายรูปแบบ อาทิ ข้าราชการตำรวจที่ยังรับราชการบางครั้งคดีความยังไม่สิ้นสุดก็ไม่สามารถดำเนินการได้ ต้องรอให้คำพิพากษาให้ถึงที่สุด แต่ในระเบียบตัวนี้มีการโต้แย้ง และมีการนำ พ.ร.ก.เข้ามาตีความว่าสามารถใช้ในการดำเนินการผู้รับราชการในปัจจุบันและไม่ได้รับราชการ หรือปลดเกษียรไปแล้วแต่ยังใช้ยศอยู่ได้หรือไม่ เนื่องจากยศได้มาจากพระราชโองการ ทำให้เราต้องพิจารณาให้ครบรอบด้าน สำหรับกรณีดังกล่าวเราพิจารณามาโดยตลอดไม่ใช่เพิ่งจะมาพิจารณาวันสองวันนี้