'ศุภาลัย'ปรับแผนเปิดคอนโดลุยตลาดบน

'ศุภาลัย'ปรับแผนเปิดคอนโดลุยตลาดบน

"ศุภาลัย" ปรับแผนเปิดคอนโดมิเนียมเน้นตลาดบนมากขึ้น- มั่นใจยอดขายปีนี้เข้าเป้า 2.3 หมื่นลบ.- รายได้ 2.2 หมื่นลบ.

นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) หรือ SPALI กล่าวว่า บริษัทได้ปรับแผนการเปิดโครงการใหม่ในปีนี้ โดยจะมีการปรับลดจำนวนการเปิดโครงการใหม่เหลือ 27 โครงการ จากเดิม 28 โครงการ แต่มูลค่ายังคงเดิม 3.11 หมื่นล้านบาท โดยจะเป็นการปรับลดโครงการคอนโดมิเนียมที่เปิดใหม่เป็น 8 โครงการ มูลค่า 1.5 หมื่นล้านบาท จากเดิมที่วางแผนไว้เปิด 9 โครงการ ด้วยการหันมาพัฒนาโครงการคอนโดฯ ที่เน้นเจาะกลุ่มลูกค้าตลาดบนที่มีมูลค่าสูง เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงจากสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวในปัจจุบัน และมองว่ากำลังซื้อของลูกค้าระดับบนมีมากกว่าระดับกลางและล่าง สำหรับโครงการแนวราบที่เปิดใหม่ในปีนี้คงไว้จำนวน 19 โครงการ หรือมูลค่า 1.61 หมื่นล้านบาท

"การที่เราปรับลดโครงการคอนโดฯจาก 9 เหลือ 8 โครงการ แต่มูลค่ายังคงเดิมไม่ได้มีการลดลง เพราะจะหันไปเน้นเปิดคอนโดฯ ที่มูลค่าสูงขึ้น สอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ และเพื่อรองรับตลาดบนที่มีกำลังซื้อ นอกจากนี้ ยังมองภาพรวมตลาดอสังหาฯไทยจะเติบโตขึ้นก็ต้องเห็นความชัดเจนจากการลงทุนโครงการโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ โดยเฉพาะโครงการรถไฟฟ้าสายสีต่างๆ ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ส่งผลต่อการขยายตัวของตลาดอสังหาฯในประเทศไทย" นายไตรเตชะ กล่าว

สำหรับยอดขายในปัจจุบันอยู่ที่ 5.5 พันล้านบาท ซึ่งมั่นใจว่าทั้งปีจะสามารถทำยอดขายได้เป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้ที่ 2.3 หมื่นล้านบาท ส่นรายได้ปีนี้บริษัทมั่นใจว่าจะทำได้ตามเป้าหมาย 2.2 หมื่นล้านบาท หรือเติบโต 15% จากปีก่อน โดยปัจจุบันบริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) อยู่ที่ 3.9 หมื่นล้านบาท และทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้ 1.9 หมื่นล้านบาท

นายไตรเตชะ กล่าวว่า แม้อัตราดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์จะมีการปรับลดลง ซึ่งจะส่งผลดีต่อโครงการแนวราบมากกว่าคอนโดฯ เนื่องจากโครงการแนวราบหากลูกค้าตัดสินใจซื้อสามารถกู้เงินได้ในอัตราดอกเบี้ยปัจจุบัน ต่างจากโครงการคอนโดฯ ที่ต้องใช้เวลานานในการกู้ และสำหรับอัตราการปฏิเสธสินเชื่อบริษัท คาดว่าจะมีการปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 5.9% จากปีก่อนที่เฉลี่ย 5.6-5.7% ผลจากสถาบันการเงินมีการเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ เนื่องจากมีความกังวลหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูงส่งผลทำให้มีความสามารถในการชำระหนี้น้อยลง