ดอลลาร์แข็งกดหุ้นสหรัฐร่วง

ดอลลาร์แข็งกดหุ้นสหรัฐร่วง

ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวลงอย่างหนัก จากการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์

ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ร่วงลง 190.48 จุด หรือ 1.04% มาอยู่ที่ 18,041.54 จุด ขณะที่ ดัชนีเอส แอนด์ พี 500 ลดลง 21.86  จุด หรือ 1.03% ที่  2,104.20 จุด ส่วนดัชนี แนสแด็ก ลดลง  56. 61 จุด หรือ 1.11% ปิดซื้อขายที่  5,032.75 จุด

เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับเงินยูโร และเงินสกุลอื่นๆ หลังจากที่ทางการสหรัฐ เปิดเผยข้อมูลทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งออกมา ทำให้เกิดกระแสคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐอาจขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดกันไว้  ประกอบกับความกังวลระลอกใหม่ถึงการเจรจาระหว่างกรีซ ที่เหลือเงินสดอยู่ในมือไม่มากนัก กับกลุ่มเจ้าหนี้

นักวิเคราะห์ชี้ว่า ความกังวลในเรื่องกรีซ ที่กลับมาอีกครั้ง กดดันให้เงินยูโรอ่อนค่าลงไป จนดอลลาร์แข็งค่าขึ้นอย่างมาก ซึ่งกลายมาเป็นเรื่องที่สร้างความวิตกให้กับทุกฝ่ายที่ทำธุรกิจในต่างประเทศ  โดยเงินดอลลาร์เคลื่อนไหวล่าสุดที่ราว  1.0875 ดอลลาร์ต่อยูโร แข็งค่าสุดในรอบ 8 ปี

ปัจจัยเรื่องเงินยูโรอ่อน และการเจรจาของกรีซกับกลุ่มเจ้าหนี้ ยังสร้างแรงกดดันให้ตลาดหุ้นหลักๆ ของยุโรป ปิดในแดนลบเช่นเดียวกัน

ดัชนี เอฟทีเอสอี 100  ของอังกฤษ ปิดซื้อขายร่วงลง 1.18%  มาอยู่ที่  6,948.99 จุด ส่วนดัชนี แค็ก 40 ของฝรั่งเศส ลดลง   0.66%  ที่  5,083.54จุด และดัชนีแด็กซ์ 30 ในเยอรมนี ลดลง 1.03%  ปิดซื้อขายที่  11, 692.90 จุด

 เทขายทำกำไรกดราคาน้ำมันร่วง

ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก ปรับตัวลดลง จากการที่เทรดเดอร์พากันเทขายเพื่อทำกำไร หลังเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับค่าเงินสกุลอื่นๆ

ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส อินเตอร์มีเดียท ส่งมอบเดือนกรกฎาคม ที่ตลาดไนเม็กซ์ สหรัฐ ร่วงลง 1.69 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 58.03 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์ ทะเลเหนือ ส่งมอบเดือนเดียวกัน ที่ตลาดลอนดอน อังกฤษ ลดลง 1.80 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 63.72 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

นักวิเคราะห์ชี้ด้วยว่า ราคาน้ำมันดิบยังตกอยู่ภายใต้แรงกดดัน จากการที่เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทำให้น้ำมันมีราคาแพงขึ้นสำหรับผู้ซื้อ ที่ใช้เงินสกุลที่อ่อนค่ากว่า ทั้งยังมีปัจจัยเรื่องการผลิตที่เกินโควตา ของประเทศสมาชิกโอเปค ที่สร้างความวิตกเพิ่มขึ้นถึง การจัดหาที่ล้นตลาด