เฟ้นหุ้นพื้นฐานเด่นน่าลงทุน

เฟ้นหุ้นพื้นฐานเด่นน่าลงทุน

ในยามที่ตลาดหุ้นไทยยังผันผวนเพราะความไม่แน่นอนจากปัจจัยภายนอกและภายใน

ซึ่งหลักๆ คือ 1) ปัญหาหนี้ของกรีซ ที่กำลังต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้าอีกรอบ เพราะมีหนี้ครบกำหนดชำระ IMF ในวันที่ 6 มิ.ย.นี้ อีก 1.5 พันล้านยูโร และเจรจากับเจ้าหนี้เพื่อขอรับความช่วยเหลือทางการเงินรอบต่อไป, 2) การปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟด ซึ่งประธานเฟดให้สัญญาณว่าน่าจะเกิดขึ้นภายในปี 2558 นี้ แต่ไม่ระบุชัดเจนว่าจะเป็นก.ย.หรือปลายปี, 3) เศรษฐกิจโลกที่ซบเซาและฟื้นตัวช้า, 4) ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ หนี้สินภาคครัวเรือนสูง กดดันกำลังซื้อภายในประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มรากหญ้า, 5) การลงทุนโครงการขนาดใหญ่ภาครัฐที่เลื่อนออกไป, 6) ปมปัญหา ICAO, การประมงผิดกฎหมาย, การค้ามนุษย์ ฯลฯ ที่ยังกดดันและต้องเร่งดำเนินการแก้ไขโดยด่วน, 7) ภาคส่งออกที่ซบเซาและมีแนวโน้มไม่เติบโตในปีนี้ 

ความอ่อนแอทางเศรษฐกิจและความไม่แน่นอนทำให้ตลาดยังไม่ทิ้งความผันผวน อย่างไรก็ตาม ภาคธุรกิจของไทยก็ปรับตัวได้ดี โดยมีหลายบริษัทที่เดินหน้าขยายธุรกิจและมีแนวโน้มเติบโตดีทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ซึ่งในคราวนี้เราเลือกยกขึ้นมาแนะนำ 2 บริษัท คือ GL และ TTCL

GL (ราคาพื้นฐาน 13 บาท)....หุ้น CLMV Play

GL เป็นบริษัทเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ใหม่ ขนาดพอร์ตใหญ่เป็นอันดับสองในประเทศไทย และได้รุกเข้าสู่ตลาดเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ในกัมพูชาตั้งแต่ปี 2556 รวมถึงกำลังเข้าสู่ตลาดประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน โดยยังคงรักษาการเติบโตและส่วนแบ่งตลาดในประเทศไทยไว้ สำหรับตลาดกัมพูชานั้นประสบความสำเร็จอย่างมาก สำหรับตลาดลาวจะเริ่มดำเนินงานในเดือนพ.ค.2558 เป็นต้นไป ขณะที่ตลาดอินโดนีเซีย, เมียนมาร์ และเวียดนามกำลังพิจารณาลงทุนต่อไป

ธุรกิจเช่าซื้อในกัมพูชาเป็น Key Growth ในระยะสั้น ส่วนตลาดอื่นที่กำลังรุกขยายเป็น Key Growth ในระยะยาว เราคาดว่าพอร์ตสินเชื่อเช่าซื้อของกัมพูชาจะคิดเป็น 40% ของสินเชื่อทั้งหมดของบริษัทในปี 2558 และทำกำไรคิดเป็น 50% ของประมาณการกำไรทั้งหมดในปีนี้ ซึ่งเพิ่มขึ้นก้าวกระโดดจาก 15% ในปีก่อน

ในเชิงกลยุทธ์เราชอบ GL เนื่องจากมีแนวโน้มการเติบโตที่ชัดเจนและต่อเนื่อง โดยตลาดรถจักรยานยนต์ภูมิภาคอาเซียนโดยเฉพาะประเทศในกลุ่ม CLMV มีโอกาสเติบโตอย่างมาก ซึ่งเป็นไปตามการเปิดประเทศ การขยายตัวของเศรษฐกิจและกำลังซื้อของประชาชน รวมทั้งการเปิด AEC มีส่วนช่วยผลักดันในระยะยาวด้วย แนะนำซื้อ โดยในทางปัจจัยพื้นฐานให้ราคาเป้าหมายระยะ 12 เดือนเท่ากับ 13 บาท ซึ่งอิงกับ Gordon Growth Model (20% ROE, 10% growth และ 12% cost of equity) หรือเทียบเท่ากับ P/BV ปี 2558 ที่ 2.4 เท่า

TTCL (ราคาพื้นฐาน 49 บาท)...Backlog สูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปี 2558

ปัจจุบันบริษัทมีมูลค่างานในมือสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 93 พันล้านบาท (รวมงานก่อสร้างโรงไฟฟ้า 1,280 MW ที่ประเทศเมียนมาร์มูลค่า 5 หมื่นล้านบาท) และคาดว่าจะได้งานใหม่เข้ามาอีกราว 1 หมื่นล้านบาทในช่วงที่เหลือของปีนี้ ทำให้มูลค่างานในมือจะสูงถึง 1 แสนล้านบาทในสิ้นปี 2558

เราคาดว่ากำไรสุทธิปี 2558-2559 จะเติบโตแข็งแกร่ง 45% และ 51% โดยมาจากอัตรากำไรที่สูงขึ้นหลังงานที่มีผลขาดทุนในประเทศการ์ตาหมดไป สำหรับแนวโน้มผลประกอบการ 2Q58 คาดว่าจะดีขึ้นต่อเนื่องเมื่อเทียบ QoQ โดยมาจาก 1) รายได้จากธุรกิจไฟฟ้าเพิ่มขึ้นจากกำลังการผลิตที่ขยายจาก 80 MW เป็น 120 MW และ 2) ผลขาดทุนในโครงการการ์ตาน้อยลง

แนวโน้มระยะยาวดี โดยบริษัทมีมูลค่างานในมือสูงและมั่นคง รวมถึงจะมีรายได้จากธุรกิจโรงไฟฟ้าที่แน่นอนราวปีละ 2.2-2.4 หมื่นล้านบาทเมื่อใช้กำลังการผลิตเต็มที่ (เริ่มก่อสร้างโรงไฟฟ้าปี 2559 ใช้เวลา 4-6 ปี เริ่มผลิตไฟฟ้าเฟสแรก 2563 และใช้กำลังการผลิตเต็มที่ในปี 2565) ทำให้ผลประกอบการผันผวนน้อยลง รวมถึงมีอัตรากำไรที่สูงขึ้น เพราะธุรกิจโรงไฟฟ้ามีอัตรากำไรสุทธิราว 12-15% ขณะที่ธุรกิจ EPC อยู่ในระดับ 3-5% เราเห็นว่า TTCL เป็นหุ้นหนึ่งที่น่าสนใจลงทุนเมื่อพิจารณาจากโครงสร้างธุรกิจและแนวโน้มรายได้และกำไรในระยะกลาง-ยาว แนะนำซื้อ ให้ราคาพื้นฐานระยะยาวไว้ที่ 49 บาท (ใช้วิธี DCF ที่รวมธุรกิจโรงไฟฟ้า 1,280 MW)