เกือบวุ่น! ประชุมกก.ตรวจทรัพย์สิน'วัดบ้านไร่' ปมหนี้95ล.

เกือบวุ่น! ประชุมกก.ตรวจทรัพย์สิน'วัดบ้านไร่' ปมหนี้95ล.

เกือบวุ่น! ประชุมตั้งกรรมการตรวจทรัพย์สิน "วัดบ้านไร่" ปมหนี้95ล้าน ด้านรองเจ้าคณะจังหวัดเข้มทำหน้าที่ประธาน

กรรมการตรวจสอบทรัพย์สินวัดบ้านไร่ แบ่งกรรมการตรวจสอบออกเป็นคณะ แต่ละคณะสามารถแต่งตั้ง อนุกรรมการขึ้นมาร่วมได้ตามแต่เป็นเหมาะสม แล้วให้รายงานให้ประธานทราบ ภายใน 30 วัน เพื่อแถลงต่อสาธารณชน หากไม่แล้วเสร็จ ให้รายงานและยื่นขอต่อเวลา พระราชสีมาภรณ์ ประธานกรรมตรวจสอบ ทรัพย์สินวัดบ้านไร่ นายเกรียงไกรฯ เจ้าของวัดบ้านไร่เป็นหนี้การก่อสร้างวิหารเทพฯ 95 ล้าน ถูกเบรกในที่ประชุม ประธานไม่ให้ชี้แจง จึงขอชี้แจงด้วยหนังสือที่เป็นเล่มที่เตรียมมาก่อนหน้าแล้ว


เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 25 พฤษภาคม 2558 พระราชสีมาภรณ์ รองเจ้าคณะจังหวัดนครราชสีมา เดินทางมาเป็นประธาน เปิดประชุม คณะกรรมการ ตรวจสอบทรัพย์สินธุ์วัดบ้านไร่ ที่ได้รับการแต่งตั้งมาจากพระราชวิมลโมลี เจ้าคณะจังหวัดนครราชสีมา เมื่อวันที่ 16 พ.ค.ที่ผ่านมา จำนวน 31 ราย การเข้าประชุมในครั้งนี้ ผู้ที่ไม่เข้าร่วมประชุม มีเพียง พระภาวนาประชานาถ หรืออาจารย์ นุช ฯรักษาการเจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ เท่านั้น


การประชุมได้ดำเนินการไปด้วยดี ได้มี นายสำผัส พันชนะ อดีตกำนันตำบลพันชนะ ซึ่งไม่ได้เป็นกรรมการ อยู่ในกลุ่มชาวบ้านที่เข้ามาร่วมรับฟังในการประชุมในครั้งนี้ จำนวนกว่า 100 คน ได้ตะโกนแสดงความคิด ในตรวจสอบบัญชีการเงินทุกจุด ร่วมถึงโครงการอาหารกลางวันหลวงพ่อคูณฯด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เชิญตัวออกไปจากสถานที่ประชุม


นาย เกรียงไกร จารุทวี อดีตรองประธานกรรมการวัดบ้านไร่ ที่ไม่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นกรรมการตรวจสอบทรัพย์สินในครั้งนี้ ได้ขอเข้าร่วมในการฟังการประชุม โดยตอนหนึ่งนายเกรียงไกรฯ ได้ลุกขึ้นขอชี้แจงเกี่ยวกับการบริหารและการก่อสร้างวิหารเทพวิทยาคมที่ผ่านมา พระราชสีมาภรณ์ได้สั่งให้หยุดพูด เนื่องจากเวลาน้อยและในวันนี้ การประชุมเพื่อเป็นการแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สิน ยังไม่อนุญาตให้ใครชี้แจงเรื่องอะไร นายเกรียงไกรฯ ที่เคยมีข่าวว่า วัดบ้านไร่เป็นหนี้ 95 ล้าน ได้ขออนุญาตแจกหนังสือเล่มเหลือง ที่มีรายละเอียดเรื่องนี้ รวมความหนา 34 หน้า แก่คณะกรรมการทุกคน พร้อมกับผู้สื่อข่าวทุกแขนงที่มาเฝ้าคอยการรายงานข่าว


นายอนันท์ พูลทวาย หรือนันโท อดีตกรรมการวัดบ้านไร่ ซึ่งได้ร่วมเป็นกรรมการตรวจสอบฯในครั้งนี้ กล่าวว่า หากจะตรวจสอบต้องตรวจสอบอย่างละเอียด ไม่เว้นแม้แต่เงินกองทุนอาหารกลางวันของหลวงพ่อคูณฯด้วย เพราะฉะนั้นต้องใช้เวลาตรวจสอบตามโรงเรียนต่างๆ ทั่วอำเภอด่านขุนทด เนื่องจากทุกโรงเรียนได้รับการสนับสนุนเงินกองทุนอาหารกลางวันของหลวงพ่อคูณฯทุกโรงเรียน เช่นเดียวกับที่นายสัมผัสฯอดีตกำนันกุดพิมานที่ได้กล่าวมาเมื่อครู่นี้


พระครูศรีปริยัติวิสุทธิ์ เจ้าคณะอำเภอด่านขุนทด ได้ชี้แจงว่า เงินกองทุนอาหารกลางวัน หลวงพ่อคูณฯ เกิดขึ้นมาจาก ที่หลวงพ่อคูณฯได้ทูลเกล้าถวายเงินจำนวน 100 ล้านบาท แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และท่านก็ได้พระราชทานเงินดังกล่าวกลับมาให้ใช้ประโยชน์ในอำเภอด่านขุนทด จึงเป็นที่มาของโครงการอาหารกลางวันหลวงพ่อคูณฯ โดยมีแม่ทัพกองทัพภาคที่ 2 ตั้งกรรมการนำเงินจำนวนดังกล่าว ไปฝากธนาคาร แล้วนำดอกผลมาเป็นอาหารกลางวันแก่เด็กนักเรียนตามโรงเรียนต่างๆ ทั่วอำเภอด่านขุนทด เงินจำนวนนี้ ถือว่าหลวงพ่อคูณฯได้ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ออกจากวัดบ้านไร่ไปแล้ว ไม่สมควรเข้าไปยุ่งเกี่ยว


พระราชสีมาภรณ์ ได้สรุปผลการประชุมคือ ให้พระภาวนาประชานารถ (หลวงพ่อนุช) รักษาการเจ้าอาวาส พร้อมด้วย พระครูพีรเดชดำรง เจ้าคณะตำบลกุดพิมาน ดร.พระมหาสิงขร ปริยัตติเมธี เลขานุการเจ้าคณะอำเภอ เป็นหัวหน้ากรรมการ โดยการแบ่งทีมงานตรวจสอบตามจุดต่างๆ เช่น ทรัพย์สินธุ์ที่ดินของวัดบ้านไร่ วัตถุมงคล อาคาร การก่อสร้างต่างๆ ซึ่งกรรมการแต่ละชุดสามารถแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพิ่มขึ้นมาได้ เพื่อความเหมาะสม แล้วรายงานให้แล้วเสร็จ ภายใน 30 วัน หากไม่แล้วเสร็จ ให้รายงานเป็นขั้นตอน โดยขอขยายเวลาต่อพระราชสีมาภรณ์


หลังจากตรวจสอบทรัพย์สินเสร็จแล้ว ก็จะสรุปและประกาศให้ พุทธศาสนิกชนที่เคารพหลวงพ่อคูณฯ ได้ทราบต่อไป และห้ามคณะกรรมการทุกคนให้สัมภาษณ์ข่าวใดๆทั้งสิ้น เนื่องจากเกรงว่า จะเป็นการสร้างความขัดแย้งเกิดขึ้น และจะเป็นการยุ่งยากในการดำเนินการ ให้แล้วเสร็จตามกำหนด อนุญาตให้สัมภาษณ์ได้เพียงคนเดียว คือ นายบัญชายุทธ นาคมุจลินท์ ผอ.สนง.พำระพุทธศาสนาจังหวัดนครราชสีมา ได้เปิดการแถลงข่าวเพื่อเปิดโอกาสให้สื่อมวลชนได้ซักถาม จนเป็นที่พอใจของผู้สื่อข่าวทุกแขนง