สลด! แม่เฒ่าคิดสั้น นั่งกลางรางรถไฟวิ่งมาทับร่างดับ

สลด! แม่เฒ่าคิดสั้น นั่งกลางรางรถไฟวิ่งมาทับร่างดับ

สลด! แม่เฒ่า วัย 62 ปี คิดสั้นฆ่าตัวตาย นั่งกลางรางรถไฟวิ่งมาทับร่างดับอนาถ บริเวณใต้สะพานสูง ห่างจากสถานีรถไฟพิษณุโลก 500 เมตร

พ.ต.อ.พุฒินนท์ คงเสมอ พนักงานสอบสวนชำนาญการพิเศษ สภ.เมืองพิษณุโลก รับแจ้งเหตุรถไฟทับคนเสียชีวิตคารางรถไฟ 1 ราย บริเวณใต้สะพานสูงห่างจากสถานีรถไฟพิษณุโลกประมาณ 500 เมตร ระหว่างหลักกิโลเมตรที่389/16 – 390/16ต.ในเมือง อ.เมืองพิษณุโลก หลังรับแจ้งจึงรีบรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยมูลนิธิประสาทบุญสถาน 

ที่เกิดเหตุพบรถไฟดีเซลรางด่วนพิเศษ กรุงเทพฯ–เชียงใหม่ ขาขึ้น ขบวนที่9 ตู้โบกี้ที่ 3 ทับร่างผู้เสียชีวิตติดอยู่คารางรถไฟ สภาพศพแขนขาหักผิดรูป มีบาดแผลฉีกขาดฉกรรจ์ตามร่างกาย เลือดสาดกระเซ็นทั่วพื้นรางรถไฟเป็นภาพที่น่าสยดสยอง เจ้าหน้าที่ต้องเคลื่อนขบวนรถไฟออก ก่อนทำการเคลื่อนย้ายศพมาตรวจสอบริมทาง พบเป็นหญิง 1 ราย บริเวณริมทางรถไฟมีเสื้อคลุมและรองเท้าแตะของผู้เสียชีวิตถอดไว้ ตรวจสอบในตัวพบบัตรประชาชน ทราบชื่อคือ นางสุพิน อ่อนอ้น อายุ 62 ปี อยู่บ้านเลขที่39/1หมู่7ต.มะขามสูง อ.เมืองพิษณุโลก นอกจากนี้ยังพบบัตรประจำตัวตำแหน่งนักการภารโรง วิทยาลัยเทคนิคพิษณุโลกอีกด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน ก่อนส่งศพไปชันสูตรพลิกศพอย่างละเอียดอีกครั้งที่นิติเวชโรงพยาบาลพุทธชินราช

จากการสอบสวน นายพงษ์ชัย ชัยมงคล พนักงานขับรถไฟ ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุตนเพิ่งจอดเทียบชานชาลารับผู้โดยสารที่สถานีรถไฟพิษณุโลก และเคลื่อนขบวนรถไฟออกมาจากสถานี เวลา13.57น. ขณะที่มาถึงจุดเกิดเหตุสังเกตเห็นหญิงวัยกลางคนนั่งอยู่ที่เหล็กกั้นริมทางรถไฟ จากนั้นเมื่อเห็นรถไฟมาใกล้ๆ จึงลุกมานั่งกลางรางรถไฟทันที ซึ่งตนได้เปิดเสียงสัญญาณเตือนและพยายามดึงเบรกเพื่อชะลอรถ แต่ก็ไม่สามารถหยุดรถไฟได้ทันที จึงเป็นเหตุให้ขบวนรถไฟทับร่างหญิงคนดังกล่าวจนแหลกเหลว หลังจากรถไฟหยุดสนิทจึงรีบลงมาดู และโทรศัพท์แจ้งกับนายสถานีกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ

เบื้องต้นสันนิษฐาน คาดว่า นางสุพิน ผู้เสียชีวิต น่าจะพยายามฆ่าตัวตาย เนื่องจากเครียดปัญหาส่วนตัวเรื่องใดเรื่องหนึ่งที่คิดไม่ตก จึงมาดักนั่งรอเพื่อให้รถไฟทับจนเสียชีวิต ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ประสานไปยังญาติของผู้เสียชีวิตตามบัตรประชาชน เพื่อสอบปากคำถึงสาเหตุครั้งนี้ที่แท้จริง ก่อนจะมอบศพให้ญาตินำกลับไปบำเพ็ญกุศลตามพิธีทางศาสนาต่อไป