มาเลย์เล็งใช้เกาะปีนัง ตั้งที่พักชั่วคราวโรฮิงญา

ความพยายามในการช่วยเหลือผู้อพยพชาวโรฮิงญา ที่ต้องการไปหาถิ่นฐานพำนักแห่งใหม่ แต่ก็ต้องพบกับอุปสรรคระหว่างเดินทางต้องลอยเรืออยู่กลางทะเลนั้น ล่าสุด หนังสือพิมพ์เดอะ สตาร์ ของมาเลเซีย รายงานอ้างคำพูดของหัวหน้าผู้ตรวจการกรมตำรวจ นายคาลิด อาบู บาการ์ ว่า คณะเจ้าหน้าที่รัฐบาลมาเลเซีย เตรียมใช้รัฐปีนังเป็นที่ตั้งถิ่นฐานชั่วคราวของผู้อพยพทางเรือชาวบังกลาเทศและชาวโรฮิงญา เพราะปีนังเป็นจุดที่ง่ายต่อการเคลื่อนย้ายผู้อพยพทางเรือเหล่านี้

ทั้งนี้ ปีนัง ตั้งอยู่ทางชายฝั่งทะเลตะวันตกเฉียงเหนือของแหลมมลายู การตัดสินใจครั้งนี้ มีขึ้นหลังจากมาเลเซียและอินโดนีเซีย เห็นพ้องที่จะให้ผู้อพยพทางเรือหลายพันคนที่ลอยลำอยู่กลางทะเล เข้ามาพำนักในประเทศ

ด้านนายจูลี บิชอป รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของออสเตรเลีย ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์เดอะ วีคเอนด์ ออสเตรเลียน ฉบับตีพิมพ์วานนี้ (23 พ.ค.) ว่า รัฐบาลอินโดนีเซีย ได้แจ้งให้ทางการออสเตรเลียทราบว่า ผู้อพยพที่ล่องเรือเข้ามายังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ส่วนใหญ่ไม่ใช่ชาวมุสลิมโรฮิงญาที่ถูกกดขี่ในพม่า แต่เป็นชาวบังกลาเทศ ที่ต้องการหนีเข้ามาเป็นแรงงานเถื่อน และทางการอินโดนีเซีย ยังประเมินว่า มีผู้อพยพทางเรือเพียง 30-40%เท่านั้นที่เป็นชนกลุ่มน้อยโรฮิงญาจากรัฐยะไข่ของเมียนมาร์

ทั้งนี้ ในช่วงสิบกว่าวันที่ผ่านมา มีผู้อพยพกว่า 3,500 คน ว่ายน้ำขึ้นฝั่ง หรือได้รับความช่วยเหลือจากทางการมาเลเซีย อินโดนีเซีย ไทย และบังกลาเทศ หลังจากรัฐบาลไทย มีมาตรการปราบปรามขบวนการค้ามนุษย์อย่างจริงจังตั้งแต่ช่วงต้นเดือนพ.ค.

"ทางการอินโดนีเซีย เชื่อว่ามีผู้อพยพล่องเรืออยู่กลางทะเลประมาณ 7,000 คน และ 30-40% เท่านั้นที่เป็นโรฮิงญา นอกนั้นเป็นชาวบังกลาเทศ ซึ่งกลุ่มหลังนี้ กรุงจาการ์ตา ถือเป็นแรงงานผิดกฎหมาย ไม่ใช่ทั้งผู้ที่ต้องการขอลี้ภัย หรือผู้ลี้ภัย และอินโดนีเซีย ระบุด้วยว่า ชาวโรฮิงญาเดินทางไปบังกลาเทศ และปะปนกับกลุ่มชาวบังกลาเทศที่ล่องเรือมายังมาเลเซียเพื่อหางานทำโดยเฉพาะ” รัฐมนตรีต่างประเทศของออสเตรเลีย กล่าว