แตกประเด็นวุ่น! 'บก.ข่าว3มิติ' แจงแทน 'ฐปณีย์' เรื่องหุ้น

แตกประเด็นวุ่น! 'บก.ข่าว3มิติ' แจงแทน 'ฐปณีย์' เรื่องหุ้น

ไม่จบ แตกประเด็นวุ่น! "จาตุรงค์" บก.ข่าว3มิติ แจงแทน "ฐปณีย์" เรื่องหุ้น ยันไม่ให้เงินมีอิทธิพลกับความคิดเราเกินไป

ผู้สื่อข่าวรายงาน กรณีกระแสการวิพากษ์วิจารณ์การทำหน้าที่ของผู้สื่อข่าวสาวช่องหนึ่ง ยังแตกประเด็นไปยังการประกอบธุรกิจด้านสื่อสารมวลชน ตามที่สำนักข่าวอิศรารายงาน

ล่าสุด นายจตุรงค์ สุขเอียด บรรณาธิการ รายการ "ข่าว3มิติ" ทางช่อง 3 และผู้บริหารบริษัทสื่อ ได้โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ค ชี้แจง เรื่องหุ้นส่วนของฐปณีย์ มีที่มาแบบนี้

โดยระบุว่า เมื่อตอนไอทีวีจอดำ...ช่วงจะประกาศปิดไอทีวีนั้น ก็มีคนมาชวนผมไปทำงานในช่องอยู่บ้างหลายช่อง ผมตัดสินใจไม่ไป เพราะมีน้องเก่าที่อยู่กันมา ไม่มีใบวุฒิการศึกษา แต่มีผลงานดีทำงานได้จำนวนหนึ่ง จึงผมเลือกเขียนรูปแบบรายการไปเสนอ เพราะคิดว่าการไม่ไปอยู่ช่องดีที่ไม่ต้องไปเบียดที่นั่งทำงานกับคนเก่าๆ ให้เขาไม่สบายใจ


ต่อมา บริษัท เทนเทเลมาเกต จำกัด ก็ตกลงจ้างผลิตรายการ "ตรงจุดเกิดเหตุ" ไปออกช่อง3 ตอนนั้น แยม ฐปณีย์ เอียดศรีไชย ก็กำลังจะกลับไปอยู่บ้าน คุณอลงกรณ์ เหมือนดาว (พี่บ๊อบ) ก็ชวนมาอยู่ด้วยกัน ตอนนี้เราจึงรวมกำลังทำตรงจุดเกิดเหตุได้ 7 คน ทางบริษัท เทนฯ ก็บอกว่า สิ้นเดือนจะต้องจ่ายค่าผลิตเทปตรงจุดเกิดเหตุแต่ต้องรับในนามบริษัท เพราะมีเรื่องภาษีต่างๆ ด้วย

จุดนี้ ทำให้ผมต้องขอให้รุ่นน้องทำเรื่องเปิดบริษัท คิดไม่ออกก็เอาชื่อรายการเก่า สมัยไอทีวีมีตั้งชื่อว่า ถอดรหัสย้อนรอย จำกัด แต่ขณะนั้น ก็มีเงื่อนไขว่า บริษัทจำกัด ต้องมีกรรมการร่วมไม่ต่ำกว่า 7 คน เรา ให้ครบ 7 คน ส่วนอีก 6 ก็ชื่อศศิน สุวรรณปากแพรก เป็นบุตร คุณอัฌชา ที่เห็นว่าเงินไม่พอลงทุน จึงช่วย 20 เปอร์เซ็นต์ ปัญญา นานกระโทก (นักข่าว) วุฒิชัย จิตชื่น (นักข่าว) วิโรจน์ สุขศรี (ช่างภาพ) ศิวภัฎ บริบูรณ์ (บัญชีการเงิน) รวมถึง ฐปณีย์ เอียดศรีไชย (นักข่าว) คนละ 2 เปอร์เซ็นต์ มาถือให้ครบ 100 เปอร์เซ็นต์ ส่วนเงินจดทะเบียนนั้น ตอนเลิกไอทีวีเขาก็มีเงินเลิกจ้างให้มา ผมก็เอามาลงทุนซื้อกล้องถูกมา4ตัว

เราถือคติไม่รับจ้างอย่างอื่น ที่ไม่ได้เป็นงานข่าวที่เรามีอิสระในการคิดทำ เพื่อไม่ให้เงินมีอิทธิพลกับความคิดเราเกินไป

จนต่อมา คุณกิตติ สิงหาปัด ออกจาก อสมท. ไปอยู่ช่อง3 ก็เห็นว่าพวกเรามีกำลังที่จะช่วยงานได้ ก็มาชวนผมกับพี่บ๊อบ อลงกรณ์ มาช่วยทำเบื้องหลังให้ เช่นกัน เขาต้องตั้งบริษัทขึ้นมารับค่าจ้างมา (จ้างเป็นรายเดือน) ไม่ได้เป็นสัดส่วนโฆษณาแต่อย่างใด เขาก็ใช้ชื่อผมไปเป็นกรรมการด้วย ผมจึงถือในสัดส่วนที่น้อยการจดทะเบียนบริษัท ของกรมทะเบียนการค้า

ปีนั้น เราจึงขอให้แยมไปช่วยพี่กิตติ เต็มตัว เธอจึงไม่ได้ทำรายการตรงจุดเกิดเหตุอีก ส่วนหุ้นที่ถืออยู่ก็เห็นว่าไม่ได้มีปัญหาอะไรก็ปล่อยไป

ทำมาราว 5ปี ก็มีปัญหาภายในกัน บริษัท ถอดรหัสย้อนรอย จำกัด จึงหยุดประกอบการ ตั้งแต่ช่วงปี 2556 มา แต่อยู่ระหว่างให้นักกฎหมายเข้าไปขายตลาดทรัพย์สินเดิม แต่มีบางส่วนขายได้ในปีภาษี 2557 แล้วก็ปันเงินออมให้กับน้องๆบางส่วนไป

จึงต้องรอเคลียร์ภาษีในปี 2558 ก่อนหากขายทรัพย์สินสุดท้ายได้แล้วคืออาคารอีกหลัง ฐปณีย์ จึงไม่ได้นับเป็นหุ้นส่วนสำคัญใดๆ กับบริษัทมาเลย และเพราะไม่เคยมีปันผล นอกจากเงินได้สะสม

ผมยังต้องผลิตรายการให้กับเทนต่อ ซึ่งก็เปลี่ยนชื่อมาเป็นรายการสเปเชียลรีพอร์ต เงื่อนไขการรับเงินก็เช่นเดิมในนามบริษัท ก็ให้เขาจดบริษัทใหม่มารับค่าผลิตงาน ชื่อ newsdoc (นิวส์ด็อค จำกัด) เพราะอีกบริษัทที่เขาจดให้มาไม่มีเรื่องแวต จึงดำเนินการใดๆ ไม่ได้ เหตุที่เมื่อ สถาบันอิศรา ไปดูในกรมทะเบียนการค้าจึงปรากฎชื่อ ฐปณีย์ เอียดศรีไชย และจตุรงค์ สุขเอียด

ผมกับทางสถาบันอิศรา นั้นก็ต่างคนต่างบทบาทกับ ความจริงผมก็ได้รับการอบรมสั่งสอนมาจากท่าน ซื่อสัตย์ โปร่งใส ตรวจสอบได้

กรณีที่ท่านไปส่องในฐานข้อมูลของกรมทะเบียนการค้าในยาม ที่ฐปณีย์ กำลังถูกโจมตีอย่างรุนแรงนั้น ผมไม่เข้าใจในเหตุผลและเป้าประสงค์ แต่ในฐานะที่เป็นคนทำข่าวด้วยผมก็ว่าหากในเมื่อข้อมูลของท่านปรากฎชื่อผมชื่อเธอแล้ว ทำไมท่านไม่โทรมาสอบถามผมและเธอบ้าง

แต่ไม่เป็นไร ด้วยผมคารวะครูบาอาจารย์เสมอมา ให้นับเสียว่า ผมทำข้อมูลอีกด้านหนึ่งของของท่านให้สมบูรณ์กับผู้ที่บริโภคข้อมูลของท่านแล้วก็ก็แล้วกันครับ

ด้วย ศรัทธาครับอาจารย์