ดีแทคจุดพลุเฮาส์แบรนด์4จี สานเป้าหมายยอดขายสิ้นปี

นางสาวปริศนา รัตนสุวรรณศรี ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานธุรกิจโพสต์เพด บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น กล่าวว่า เปิดตัวดีแทคโฟนซึ่งรองรับระบบ 4 จีเครื่องแรก “อีเกิ้ล เอ็กซ์(Eagle X)” ราคา 5,990 บาท หวังเพิ่มทางเลือกให้ลูกค้า พร้อมสานเป้าหมายเพิ่มลูกค้าระบบ 4 จีดีแทคให้ได้ถึง 2.5 ล้านรายภายในสิ้นปี 2558

“เป้าหมายสำคัญของการเปิดตลาดเฮาส์แบรนด์ บริษัทต้องการเติมเต็มสินค้าให้ครอบคลุมทุกตลาด นำมาช่วยเปลี่ยนลูกค้าจากระบบ 2 จีไปเป็น 3 จี รวมถึงขยายฐานลูกค้า 4 จี”

นอกจากนี้ เชื่อว่าเมื่อเข้ามาในตลาดด้วยตัวเอง ส่งผลให้บริหารจัดการได้ง่ายขึ้น มีความน่าเชื่อถือ ด้านลูกค้าได้รับสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มมากขึ้น

ปัจจุบัน ในเครือข่ายดีแทคมีโทรศัพท์มือถือที่รองรับเทคโนโลยี 4 จี ประมาณ 2.2 ล้านเครื่อง ทว่าที่ใช้งานจริงมีเพียง 1.2 ล้านเครื่อง

เธอกล่าวว่า สมาร์ทโฟนดังกล่าวมาพร้อมระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 5.0 จอระบบสัมผัส 5 นิ้ว กล้อง 8 ล้านพิกเซล ซีพียูแบบควอดคอร์ ควอลคอมสแนปดรากอน 410 เร็ว 1.2 กิกะเฮิร์ต พร้อมรองรับการใช้งานระบบ 2 ซิม

นอกจากนี้ โปรโมชั่นพิเศษลูกค้ารายเดือนเปลี่ยนจากเติมเงินเป็นรายเดือน หรือลูกค้าใหม่ รับส่วนลดค่าบริการรายเดือนสูงสุด 3,600 บาท รับสิทธิ์ผ่อนค่าเครื่องได้ 0% นาน 20 เดือน เมื่อซื้อดีแทคโฟนรุ่น “อีเกิ้ล เอ็กซ์” และสมัครแพ็คเกจเลิฟแอนด์โรลล์ (Love & Roll) เน็ต 4จี/3จี แรงไม่ลดสปีด ใช้เน็ตไม่หมด ทบไปเดือนหน้าได้

ขณะนี้มีวางจำหน่าที่ศูนย์บริการดีแทคทุกสาขาทั่วประเทศ ช่องทางออนไลน์ ดีแทคออนไลน์สโตร์ เปลี่ยนเครื่องใหม่ภายใน 7 วัน และรับประกันเครื่องนาน 15 เดือน

ครั้งนี้ มอบหมายให้บริษัท แซดทีอี (ไทยแลนด์) จำกัด เป็นผู้ผลิตเครื่องให้ ดังนั้นมั่นใจได้ว่าสินค้ามีคุณภาพสูง ขณะเดียวกันคุ้มค้าด้วยโปรโมชั่นรายเดือนที่บันเดิลไปด้วยกัน ภายในสิ้นปีนี้มีแผนเปิดตัวรุ่นใหม่รองรับ 4 จีอีกอย่างน้อย 2 รุ่น

บริษัทตั้งเป้าว่า ภายใน 3 เดือนจากนี้จะทำยอดขายอีเกิ้ล เอ็กซ์ ได้ไม่น้อยกว่า 5 หมื่นเครื่อง ภาพรวมทั้งปี 2558 ตั้งเป้ายอดขายเฮาส์แบรนด์ดีแทคโฟนไว้ราว 1 ล้านเครื่อง จากปีก่อนหน้าที่ทำได้ราว 7.5 แสนเครื่อง ทุกวันนี้แต่ละไตรมาสสามารถสร้างเติบโตได้ระดับ 15%

นางสาวปริศนาเผยว่า กลยุทธ์ของบริษัทเน้นนำเสนอดีไวซ์ ข้อเสนอ พร้อมประสบการณ์การใช้รวมถึงการซื้อที่ดีที่สุดให้ลูกค้า การคัดเลือกสินค้ามาวางตลาดเน้นแบรนด์ที่ผู้บริโภคยอมรับ ที่กำลังมาแรงในตลาด ส่วนของเฮาส์แบรนด์แต่ละปีในแผนจะเปิดตัวราว 3 รอบ

พร้อมระบุว่า การเปิดตัวสินค้าจะมีทั้งที่รองรับ 3 จีและ 4 จีควบคู่กันไป เนื่องจากราคาระหว่างเครื่องแต่ละชนิดยังห่างกัน 1,000-1,500 บาท แต่ปีหน้าเป็นไปได้ที่จะกลายเป็นเครื่อง 4 จีทั้งหมด เมื่อราคาเปลี่ยนแปลงลงไปที่ระดับ 600 บาท

ผลสำรวจระบุว่า 20% ของผู้ใช้โทรศัพท์มือถือใช้อุปกรณ์มากกว่า 1 เครื่อง 60% เปลี่ยนเครื่องทุกๆ 1 ปีครึ่งถึง 2 ปี มีอยู่ 23% เปลี่ยนเครื่องทุกปี
อย่างไรก็ดี เหตุผลของการเลือกซื้อ หลักๆ เน้นการออกแบบ ฟีเจอร์ และแบรนด์ ตามด้วยราคา มากกว่านั้น 51% ของลูกค้าให้ความสำคัญกับตัวเครื่อง พอๆ กับแพ็คเกจ มี 31% ให้ความสำคัญเครื่องมากกว่า

ข้อมูลจากบริษัทวิจัยจีเอฟเคระบุว่า เมื่อไตรมาสที่ 1 ยอดขายรวมตลาดโมบายดีไวซ์ในประเทศไทยมีมูลค่า 26,800 ล้านบาท จำนวน 4.3 ล้านเครื่อง สัดส่วนมาจากสมาร์ทโฟน 76.5% ดีไวซ์ที่รองรับระบบ 4จี 16.6%

ส่วนช่องทางการจัดจำหน่าย ผ่านทางผู้ให้บริการเครือข่าย 25% แบรนด์ช้อปหรือแฟรนไชส์ 30% ช่องทางไอที 16% ร้านค้าทั่วไป 29% สัดส่วนแบ่งเป็นจากกรุงเทพฯ 35% ต่างจังหวัด 65%

ด้านราคา 5 อันดับแรก สัดส่วนมากที่สุดยังเป็นต่ำกว่า 4,000 บาท 44% รองลงมา 4,000-5,000 บาท 14% ตามด้วย 7,500-10,000 บาท 11.2% มากกว่า 20,000 บาท 10.2% และ 10,000-15,000 บาท 9.5%

ขณะที่ดีแทค ไตรมาสที่ 1 ทำยอดขายได้ราว 2 ล้านเครื่อง มาจากฟีเจอร์โฟน(3จี) 21% สมาร์ทโฟน 3 จี 33% สมาร์ทโฟน 4 จี 46% เฉพาะดีแทคโฟนไตรมาสเดียวกันนี้ทำยอดขายได้ 2 แสนเครื่อง