รวบแล้ว! 2โจรชิงเงินแบงก์ธนชาต

รวบแล้ว! 2โจรชิงเงินแบงก์ธนชาต

ตร.ตามรวบ2โจรชิงเงินแบงก์ธนชาต สารภาพหาเงินใช้หนี้นอกระบบ

เมื่อเวลา 14.00 พล.ต.อ.ดร.เรืองศักดิ์ จริตเอก รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. พล.ต.ต.ฉันทวิทย์ รามสูต รอง ผบช.น. พล.ต.ต.สมบัติ มิลินทจินดา ผบก.สส.บช.น. พล.ต.ต.ฤชากร จรเจวุฒิ ผบก.น.8 ตำรวจ กก.สส.บก.น.8 และสน.บางมด ร่วมกันแถลงผลการจับกุมตัว นายอภิธัญญ์ หรือดำ ห่วงเอี่ยม อายุ 51 ปี อยู่บ้านเลขที่ 246ถนนจอมทอง-บูรณะ แขวงบางปะกอก เขตราษฎร์บูรณะ กทม. และนายสรกฤช หรือบูรณ์ แซ่จิว อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1/3 หมู่ 15 ตำบลบางครุ อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ ผู้ต้องหาวิ่งราวทรัพย์ภายในธนาคารธนชาต สาขาถนนพระราม 2 (ซอย3) พร้อมของกลาง เงินสด 219,000 บาท เป้สะพายหลังสีน้ำเงิน 1 ใบ เสื้อผ้าที่สวมใส่ในวันที่ก่อเหตุ โดยสามารถจับกุมตัวนายอภิธัญญ์ ได้ที่สวนมะนาวไม่มีเลขที่ ซอยอนามัยงามเจริญ 25 แยก2-9 แขวงท่าข้าม เตบางขุนเทียน กทม. และจับกุมนายสรกฤช ได้ที่ปั้มน้ำมันเอสโซ่ ปากซอยสุขสวัสดิ์ 53 ต.บางจาก อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ


พล.ต.ต.ฤชากร เปิดเผยว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องมาจากเมื่อเวลาประมาณ 13.45 น. วันที่ 6 พฤษภาคมที่ผ่านมา คนร้ายทั้ง 2 บุกก่อเหตุวิ่งราวทรัพย์ เงินจำนวน 420,000 บาท ภายในธนาคารธนชาต สาขาถนนพระราม 2 ซอย 3 แขวงบางมด เขตจอมทอง กทม. ก่อนขึ้นรถแท็กซี่โตโยต้า อัลติส สีชมพู หมายเลขทะเบียน ทษ-458 กรุงเทพมหานคร หลบหนีใช้เส้นทางถนนพระราม 2 ขาออก จากนั้นช่วงเย็นของวานนี้ (6 พ.ค.) ตำรวจได้ทำการเชิญตัวนายประทีป เจนเขตรการ อายุ 29 ปี ชาว จ.อุทัยธานี โชว์เฟอร์แท็กซี่คันดังกล่าวสอบถามทราบว่าได้รับไปส่งยังบริเวณ ไอด้า อาบอบนวด ถนน พระราม 3 โดยใช้เส้นทางขึ้นด่วนพระราม 2 อีกทั้งทางฝ่ายสืบสวนทั้ง กก.สส.บก.น.8 ร่วมกับ ฝ่ายสืบสวน สน.บางมด ลงพื้นที่แกะรอย ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดตามเส้นทางที่หลบหนี กระทั่งตำรวจฝ่ายสืบสวน กก.สส.บก.น.8 ร่วมกับ ฝ่ายสืบสวน สน.บางมด ได้เบาะแสว่าหนึ่งในคนร้ายอาศัยอยู่ละแวกใกล้เคียงที่เกิดเหตุ จึงนำภาพจากกล้องวงจรปิดไปให้ชาวบ้านดู จนสามารถจับกุมตัวนายอภิธัญญ์ ได้บริเวณย่านซอยอนามัยงามเจริญ บางขุนเทียน กทม. ก่อนสอบสวนขยายผลจับกุมนายสรกฤษ ได้บริเวณปากซอยสุขสวัสดิ์ 53 ย่านพระประแดง จ.สมุทรปราการ พร้อมของกลางดังกล่าว


พล.ต.ต.ฤชากร กล่าวอีกว่า จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้งสองให้การยอมรับสารภาพว่า ก่อนหน้านี้นายสรกฤช เคยเป็นลูกจ้างรายวันทำความสะอาดให้กับโรงแรมแห่งหนึ่ง ย่านถนนวิทยุ ก่อนจะตกงาน รวมทั้งยังมีหนี้สินที่ได้ไปหยิบยืมทั้งในระบบ และนอกระบบ หลายแห่ง จนมีหนี้สินทำให้ครอบครัวไม่มีอันจะกิน ส่วนนายอภิธัญญ์ เป็นคนรู้จักกัน มีอาชีพเป็นคนขับรถสองแถวย่านฝั่งธน ที่มีหนี้สินจากการยืมเงินแขกชาวอินเดีย และต้องเสียเงินค่าหนี้หัวแตกรายวัน 600-800 ต่อวัน จนมีหนี้จำนวนกว่า 2 แสนบาท ซึ่งทั้งคู่รู้จักกันจากที่เคยกู้ยืมเงินนอกระบบ ร้อยละ 10 ถึง 15 ตามแหล่งต่างๆ จึงช่วยกันคิดหาวิธีหาเงินทางลัดเพื่อมาชดใช้หนี้สิน ประกอบกับนายสรกฤช เคยมาทำธุรกรรมที่ธนาคารแห่งนี้เห็นถึงความหละหลวมที่ไม่มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยแต่อย่างใด โดยใช้ระยะเวลาวางแผนกัน 3 วัน ก่อนทั้งคู่จะขึ้นรถเมล์มาลงด้านหน้าธนาคาร ก่อนเข้าไปก่อเหตุดังกล่าว ซึ่งขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่สามารถติดตามเงินสดกลับคืนมาได้แล้ว 219,000 บาท โดยเงินส่วนที่เหลือคนร้ายอ้างว่าได้นำไปใช้หนี้นอกระบบที่ได้กู้ยืมมา ก่อนที่จะถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัว ซึ่งหลังจากนี้ทางเจ้าหน้าที่จะขยายผลติดตามนำเงินส่วนที่เหลือกลับคืนมา สำหรับที่ทั้งคู่ได้นั่งรถแท็กซี่ไปลงอาบอบนวดแห่งนั้น เนื่องด้วยอยากจะฉลองหละงจากได้เงินมา แต่ทว่าหนึ่งในคนร้ายรู้สึกวิตกจึงต่างแยกย้ายกันหลบหนี


ด้าน พล.ต.อ.ดร.เรืองศักดิ์ กล่าวว่า หลังจากนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจและผู้ประกอบการธนาคารจะมีการปรึกษาหารือเกี่ยวกับมาตรการในการป้องกันเหตุร้ายที่อาจจะเกิดขึ้นอีกครั้ง เพื่อป้องกันให้การก่ออาชญากรรมในลักษณะนี้ให้ลดน้อยลง โดยจะเน้นย้ำให้เจ้าหน้าเพิ่มความเข้มงวดในการตั้งด่านตรวจ พร้อมทั้งเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนก็จะต้องเพิ่มความเข้มในการหาข่าว และต้องขอความร่วมมือจากภาคประชาชนให้ช่วยกันสอดส่อง สำหรับกรณีเกี่ยวกับเงินกู้นอกระบบนั้น หลังจากนี้จะมีการหารือว่าจะมีแนวทางในการแก้ไขอย่างไรต่อไป
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ในข้อหา“ร่วมกันวิ่งราวทรัพย์หรือรับของโจรย์” หลังจากนี้จะนำตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อไป