กองปราบมุ่ง3ประเด็นสังหารตระกูล'เปาอินทร์'

กองปราบมุ่ง3ประเด็นสังหารตระกูล'เปาอินทร์'

กองปราบเรียกถกคดีสังหาร“ทิวะพันธุ์ เปาอินทร์” มุ่ง 3 ปมเดิม

กองบังคับการปราบปราม(บก.ป.) พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี รรท.ผบก.ป. พร้อมด้วย พ.ต.อ.สุทิน ทรัพย์พ่วง พ.ต.อ.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบก.ป.ได้เรียกประชุมชุดสืบสวนคลี่คลายคดีสังหารนายทิวะพันธุ์ เปาอินทร์ อายุ 31 ปี ลูกชาย พ.ต.อ.อนันต์ เปาอินทร์ โดยใช้เวลานานกว่า 2 ชั่วโมง ต่อมาเวลา 16.00 น. พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหาญพิทักษ์ ผบช.ก.ได้เดินทางมาร่วมประชุมติดตามความคืบหน้าคดีดังกล่าว 

ภายหลังการประชุม พล.ต.ท.ฐิติราช เปิดเผยว่า ในเบื้องต้นทีมสืบสวนต้องตั้งสาเหตุการเสียชีวิตให้ได้ก่อนว่า มาจากสาเหตุใด ซึ่งสาเหตุที่ได้ต้องมาจากการซักถามพยานแวดล้อม ญาติ ครอบครัว รวมทั้งบุคคลใกล้ชิด หลังจากนั้นเมื่อได้ประเด็นแล้วก็จะนำมาวิเคราะห์ว่า มีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกันหรือไม่ และจัดลำดับของประเด็นที่ได้ รวมทั้งคัดกรองพิสูจน์ทราบว่า ในแต่ละประเด็นที่ได้มานั้น ประเด็นไหนมีน้ำหนักมากน้อยกว่ากัน ก่อนที่จะตัดประเด็นและทำการสืบสวนในประเด็นนั้นๆ คาดว่าไม่เกิน 1-2 สัปดาห์น่าจะมีความชัดเจนในเรื่องนี้ อย่างไรก็ตาม คดีมีความคืบหน้าไปมาก แต่ยังไม่สามารถบอกในรายละเอียดได้ หรืออาจจะมีประเด็นอื่นๆที่บางครั้งทางครอบครัวไม่ทราบ แต่จะมีเฉพาะเพื่อนในกลุ่มที่สนิทเท่านั้นที่ทราบ อาทิ ก่อนเกิดเหตุผู้ตายอาจมีปัญหากับใครบ้าง ซึ่งตรงนี้ชุดสืบสวนกำลังสืบสวนอยู่และกระทำโดยรอบคอบที่สุด ขณะนี้มีหลายประเด็นที่เจ้าหน้าที่สืบทราบ รวมทั้งประเด็นที่ปรากฏเป็นข่าวไปก่อนหน้านี้ อยู่ในระหว่างการรวบรวมประเด็นความขัดแย้งทั้งหมดมาพิสูจน์ทราบให้แน่ชัด ขณะนี้ใครพูดถึงประเด็นไหน ทางเจ้าหน้าที่พยายามที่จะสืบสวนทั้งหมด

ด้าน พ.ต.อ.อัคราเดช กล่าวว่า หลังเกิดเหตุกองบังคับการปราบปราม ได้ลงพื้นที่เพื่อทำงานร่วมกันกับทางกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 และฝ่ายสืบสวน สภ.เมืองนนทบุรี และนำข้อมูลที่ได้มาประชุมร่วมกัน ซึ่งในส่วนของกองบังคับการปราบปรามมีการประชุมความคืบหน้าเป็นระยะ เพื่อตีกรอบการสืบสวน ซึ่งประเด็นการสืบสวนในขณะนี้ทาง บช.ภ.1 และ บก.ป.มีความสอดคล้องกัน แต่มีในบางประเด็นที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบเพื่อให้แน่ชัด อย่างไรก็ตาม ในส่วนของแพทย์เสริมความงาม อยู่ในกลุ่มที่เราทำการพิสูจน์ทราบเพื่อให้คลายข้อสงสัย แต่ในขณะนี้ยังไม่มีหลักฐานที่เชื่อมโยงไปถึงแพทย์คนดังกล่าว เพียงแต่อยู่ในกลุ่มคนที่เจ้าหน้าที่ต้องสืบสวนและตรวจสอบ 

รรท.ผบก.ป. กล่าวต่อว่า สำหรับชนวนสังหารนั้น ขณะนี้ยังมุ่งไปทั้ง 3 ประเด็นที่ปรากฏเป็นข่าว คือ กรณีที่ผู้ตายขัดแย้งกับแพทย์คนหนึ่ง เกี่ยวกับการซื้อขายรถยนต์หรู แล้วไม่สามารถโอนได้ , กรณีความขัดแย้งกับนายตั้ม นครปฐม ที่เคยรู้จักและนำรถมาจำนำกับผู้ตายหลายคัน และกรณีที่ผู้ตายไปยืมเงินจากเสี่ยช้าง 10 ล้านบาท เพื่อนำมาลงทุนในธุรกิจรับจำนำและซื้อขายรถหรู แต่ไม่สามารถนำเงินไปคืนให้เสียช้าง ซึ่งทุกประเด็นเจ้าหน้าที่ยังไม่ตัดทิ้งออกไป โดยยังคงให้น้ำหนักกับทุกกรณี อย่างไรก็ตาม ชุดสืบสวนยังคงเร่งตรวจสอบข้อมูลที่ได้รับมาเพื่อวิเคราะห์ถึงพฤติการณ์ อาทิ เรื่องของการมีผู้คอยดูต้นทางให้กับมือปืนที่ก่อเหตุ จุดที่มือปืนดักรอและซุ่มยิงในระยะหวังผล รวมทั้งอาวุธปืนที่คนร้ายได้ใช้ว่าใช้อาวุธปืนชนิดใด 

พ.ต.อ.อัครเดช กล่าวด้วยว่า ในเบื้องต้นทราบว่าคนร้ายใช้อาวุธปืนยาว กระสุนขนาด .223 ซึ่งเป็นกระสุนที่ใช้กับปืนขนาดเอ็ม 16 และปืนเอชเค อีกทั้งกำลังตรวจสอบว่าคนร้ายมีการดัดแปลงลำกล้องเพื่อเปลี่ยนเป็นปืนชนิดพิเศษหรือไม่ หลังจากนั้นจะนำมาวิเคราะห์กลุ่มคน หรือมือปืนที่ใช้ปืนชนิดนี้ หรือกลุ่มคนที่มีความชำนาญ ซึ่งตนได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.สุทิน ทรัพย์พ่วง พ.ต.อ.พันธนะ นุชนารถ พ.ต.อ.สยาม บุญสม รอง ผบก.ป.นำทีมสืบสวนช่วยกันพิสูจน์ประเด็นต่างๆ นอกจากนี้ ได้เร่งตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดในบริเวณโดยรอบที่เกิดเหตุ โดยเฉพาะกล้องวงจรปิดของบริษัท ห้างร้าน และบ้านเรือนต่างๆ เพื่อตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับยานพาหนะของคนร้าย รวมทั้งเส้นทางการหลบหนี เพื่อรวบรวมข้อมูลในการสืบสวนติดตามคนร้ายด้วย