ผู้ว่าฯเยี่ยมผู้บาดเจ็บ รถเก๋งซิ่งชนขบวนจักรยาน

ผู้ว่าฯเยี่ยมผู้บาดเจ็บ รถเก๋งซิ่งชนขบวนจักรยาน

ผู้ว่าฯเชียงใหม่ รุดเยี่ยมผู้บาดเจ็บ รถเก๋งซิ่งชนขบวนจักรยาน ย้ำเร่งเข้มงวดเมาไม่ขับ-ร้านปิดดึก ขณะที่ผู้เสียชีวิตเบื้องต้นจะได้ชดเชย5แสนบาท

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่มีอุบัติเหตุรถยนต์เก๋งสีดำ ยี่ห้อโตโยต้า ทะเบียน ขย 9417 เชียงใหม่ ชนขบวนรถจักรยาน บริเวณถนนหลวงสาย 118 เชียงใหม่-ดอยสะเก็ด กม.ที่ 8 ขาออกเชียงใหม่ ต.บ่อหิน อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ โดยมีนางสาวภัทร์ชุดา จายเรือน อายุ 23 ปี นักศึกษามหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง เป็นผู้ขับขี่จากการเมาสุราทำให้ไม่มีสติขณะขับรถพุ่งชนขบวนจักรยาน ทำให้มีผู้เสียชีวิตคาที่ 3 รายและบาดเจ็บอีก 3 ราย รวมนางสาวภัทร์ชุดา ที่บาดเจ็บกระดูกแขนขวาหัก

ล่าสุดเมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 4 พฤษภาคม ที่โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ นายสุริยะ ประสาทบัณฑิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้มาตรวจเยี่ยม ว่าที่ ร.ต. สุพล ตาสิงห์ อายุ 56 ปี หนึ่งในผู้บาดเจ็บยังคงพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ที่มีอาการแผลแตกที่ศีรษะ ซี่โครงหัก 3 ซี่ และมีแผลถลอกทั่วทั้งลำตัว ซึ่งต้องพักรักษาตัวอีก 2-3 วันในโรงพยาบาล โดยนายสุริยะ ยังได้มีการมอบกระเช้าผลไม้และให้กำลังใจแก่ ว่าที่ ร.ต.สุพล อีกด้วย

นายสุริยะ เปิดเผยว่า ขณะที่เชียงใหม่ เป็นจังหวัดแรกๆ ที่มีการส่งเสริมเรื่องนโยบายเมืองแห่งจักรยานและเลนจักรยาน เพื่อเป็นการออกกำลังกายและใช้ในชีวิตประจำวัน ทางจังหวัดร่วมกับเทศบาลก็มีการปรับปรุงถนนในพื้นที่ตัวเมืองชั้นใน ให้สามารถปั่นจักรยานได้ รวมทั้งส่งเสริมนโยบาย “สโลว์ซิตี้” ที่จะจำกัดความเร็วของรถที่เข้ามายังพื้นที่ชั้นในตัวเมืองให้ใช้ความเร็วต่ำ ไม่เกิน 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เพื่อให้เกิดความปลอดภัยให้แก่ประชาชนและนักท่องเที่ยว ที่ใช้จักรยานและใช้การเดิน แทนการขับรถที่ใช้เครื่องยนต์ ซึ่งกำลังเป็นไปได้ด้วยดีก่อนจะเกิดเหตุการณ์สะเทือนขวัญ กับกลุ่มนักปั่นจักรยานดังกล่าว

"ขณะที่ประเด็นเรื่องการดื่มสุราแล้วขับรถ ที่ผ่านมาก็ได้มีการรณรงค์เรื่องเมาไม่ขับ และตรวจจับกันอย่างเข้มข้นตั้งแต่ 1 มีนาคมที่ผ่านมา กระทั่งยอดการจับกุมเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว เฉพาะช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา มีการจับกุมผู้ดื่มสุราแล้วขับรถได้กว่า 3,000 ราย จากเดิมที่ยอดการจับกุมทั้งปี ไม่ถึง 3,000 ราย ขณะที่เรื่องของการทำผิดกฎจราจร อื่นๆ ก็มีการจับกุมกระทั่งใบสั่งหมดทั้งเมือง แต่ถึงกระนั้นก็ยังคงมีผู้ไม่เกรงกลัวกฎหมายอยู่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งคนที่ดื่มควรจะมีสามัญสำนึกควรรู้ตัวว่าเมื่อดื่มจนเมาไม่ควรขับรถซึ่งจะก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่ผู้อื่น เมื่อเกิดเหตุการณ์ร้ายแรงก็ไม่สามารถย้อนเวลาไปแก้ไขได้” นายสุริยะ กล่าว

นายสุริยะ กล่าวว่า ขณะที่ทางโฆษกรัฐบาลก็ได้เน้นย้ำ ในกรณีที่นักศึกษาสาวที่ขับรถชนขบวนจักรยาน มีการดื่มสุรา ถึงเวลาเกือบรุ่งสาง จะต้องมีการดำเนินการอย่างเข้มข้น ถึงสถานบริการที่ปิดเกินเวลากฎหมายกำหนด และยังสะท้อนไปถึงเรื่องที่สถานประกอบการต่างๆ มาร้องทุกข์ว่า เมื่อมีการตั้งด่านตรวจจับเข้มข้น ทำให้ลูกค้าที่ชอบเที่ยวสถานบันเทิงลดลง ส่งผลให้การค้าขายขาดทุน จึงอยากจะฝากไปว่า ทางรัฐบาลต้องดำเนินการตามกฎหมาย มองถึงความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนเป็นหลัก บางครั้งที่หลายธุรกิจอาจจะสะเทือนบ้าง ก็ต้องดิ้นรนปรับปรุงกันเอง ไม่ใช่รวยกันอยู่ไม่กี่คนแต่สร้างผลกระทบความเดือดร้อนต่อสังคม

"ล่าสุดทราบว่า นายพงษ์เทพ คำแก้ว อายุ 40 ปี หนึ่งในผู้เสียชีวิต เป็นเสาหลักหาเลี้ยงครอบครัวดูแลพ่อแม่ โดยเฉพาะปัจจุบันพ่อมีโรคประจำตัวที่ต้องใช้เงินรักษาอย่างต่อเนื่อง เมื่อเสียชีวิตไป คนที่เหลือจะอยู่อย่างไร ซึ่งเหมือนกับที่ทุกคนคงเคยเห็นผ่านตา ในโฆษณาของ สสส.ที่ว่าดื่มสุรา แล้วขับรถ เท่ากับเป็นฆาตรกร ซึ่งก็ไม่ได้เกินจริงแต่อย่างใด เห็นได้ชัดเจนจากกรณีที่เกิดขึ้นนี้ เพียงชั่ววูบเดียวก็สามารถสังหารได้ถึง 3 ชีวิต เป็นความสูญเสียที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น และเป็นบทเรียนที่ทุกฝ่ายจะต้องหามาตรการแก้ไขเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ขึ้นซ้ำรอย นอกจากนั้นจะได้มีทบทวนการเข้มงวดเรื่องของการใช้กฎหมายมากยิ่งขึ้น”นายสุริยะ กล่าว

ผู้ว่าฯเชียงใหม่ ล่าวอีกว่า ในแง่ของค่าชดเชย ผู้เสียชีวิตในกรณีขบวนจักรยานนี้ ผู้เสียชีวิตทั้ง 3 ราย จะได้รับค่าชดเชยเบื้องต้นรายละไม่ต่ำกว่า 5 แสนบาท โดยจะมีค่าปลงศพรายละ 2แสนบาท และรถคันที่ก่อเหตุได้มีการประกันชั้นหนึ่งเอาไว้ โดยบริษัทมิตรแท้ประกันภัย จะได้มีการมอบเงินขั้นต้นอีก 3 แสนบาท รวมไปถึงราคาทรัพย์สินที่เสียหายที่จะพิจารณาต่อไป ซึ่งก็เชื่อว่าไม่เพียงพอต่อความสูญเสียที่เกิดขึ้น ชีวิตคนหนึ่งคนประเมินด้วยเงินเพียงแค่นี้ไม่ได้ ได้แค่บรรเทาความสูญเสียเท่านั้น

ขณะที่ในส่วนของผู้บาดเจ็บ ค่ารักษาพยาบาลเบื้องต้นไม่เกิน 5 หมื่นบาท บริษัทประกันรับผิดชอบ ขณะที่ส่วนเกินจากนั้น อย่างเช่นทรัพย์สินที่เสียหายโดยเฉพาะจักรยานราคาคันละกว่า 2 แสนบาท สามารถเรียกร้องได้ ส่วนเรื่องของค่าทำขวัญและอื่นๆอาจจะต้องมีการเรียกร้องจากผู้ก่อเหตุต่อไป

ด้าน ว่าที่ ร.ต. สุพล ตาสิงห์ หนึ่งในผู้บาดเจ็บที่พักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ กล่าวว่า ขณะเกิดเหตุตนไม่รู้สึกตัว รู้สึกเพียงเหมือนถูกกระชากและถูไปกับพื้นถนน เมื่อเมื่อสำรวจสิ่งที่อยู่รอบตัวก็พบว่า จักรยานของตนมีสภาพพังยับเยิน และหมวกนิรภัยของตนก็ถึงกับแตกละเอียด โดยได้ลองพยายามประคองสติลุกขึ้นยืน ก็พบว่ายังเดินได้จึงคิดว่าไม่น่าจะบาดเจ็บอะไรมาก แต่เพียงไม่นานหลังจากนั้น ก็เริ่มมีความรู้สึกเจ็บปวดไปทั่วทั้งตัว และได้มีเจ้าหน้าที่นำส่งโรงพยาบาล จึงได้ทราบว่าตนเองมีบาดแผลที่ศีรษะขนาดใหญ่ และซี่โครงหัก เคราะห์ดีที่กระดูกไม่ไปแทงอวัยวะส่วนอื่นภายในร่างกาย และจะสามารถประสานได้เองในเวลาไม่นาน ซึ่งตนยืนยันว่า เรื่องของอุปกรณ์ที่ใช้โดยเฉพาะหมวกนิรภัย มีผลต่อการป้องกันอาการบาดเจ็บได้มาก

อย่างไรก็ตาม อยากจะฝากถึงผู้ที่ดื่มสุรา เมื่อดื่มแล้วและรู้ตัวว่าสติไม่ครบถ้วนก็ไม่ควรขับขี่โดยเฉพาะบริเวณถนนหลวง เนื่องจากอาจจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของผู้อื่นที่ใช้ถนนร่วมอีกจำนวนมาก ไม่ควรนำชีวิตคนอื่นมาแขวนไว้บนเส้นด้วยไปกับตนเอง รวมทั้งอยากจะให้กฎหมายเกี่ยวกับการดื่มสุราเข้มข้นขึ้นมากกว่านี้ อย่างน้อยก็เพื่อลดความเสี่ยงต่อชีวิตประชาชน