นายกฯบินมาเลย์ประชุมสุดยอดอาเซียน

นายกฯบินมาเลย์ประชุมสุดยอดอาเซียน

"พล.อ.ประยุทธ์" บินไปมาเลเซีย ประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 26 สานต่อความร่วมมือศก. – สั่งฟันไม่เลี้ยงหากพบยังมีการจ่ายใต้โต๊ะ

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พร้อมคณะ เดินทางถึงท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 ดอนเมือง กรุงเทพฯ วานนี้ (26เม.ย.) เพื่อเดินทางไปเข้าร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 26 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์และลังกาวี ระหว่างวันที่ 26-28 เม.ย.

 โดยนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ก่อนเดินทางว่า อินโดนีเซีย มาเลเซียและไทย  หารือประสานความร่วมมือด้านเศรษฐกิจมาโดยตลอด ซึ่งขณะนี้ทุกประเทศมีปัญหาด้านเศรษฐกิจเหมือนกัน และการไปร่วมประชุมครั้งนี้จะมีการหารือว่าทำอย่างไรจะต่อเนื่องเชื่อมโยงทางด้านเศรษฐกิจในลักษณะการช่วยเหลือซึ่งกันและกันไม่ใช่การแข่งขันกัน แต่จะเป็นหุ้นส่วนพันธมิตรทางยุทธศาสตร์ โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ด้านการเกษตรที่มีปัญหาต่อเกษตรกร ทั้งนี้ตนได้พูดเรื่องเหล่านี้ทุกเวทีทั้งยุโรปและตะวันตก ถ้าทุกคนในโลกนี้มองไม่เห็นความสำคัญเรื่องของอาหารก็จะเป็นปัญหาต่อไปเพราะกลุ่มประเทศอาเซียนมีเกษตรกรด้านการเกษตรจำนวนมาก หากราคาด้านการเกษตรตกอย่างนี้และไม่ให้ความสำคัญต่อไปคนก็จะออกจากวงจรการเกษตร จะทำให้ไม่มีเกษตรกร ไม่มีชาวนามาทำอาหารเหล่านี้ แล้วเราจะเป็นแหล่งอาหารโลกได้อย่างไรจึงขอให้ช่วยกันผยุงราคาให้สูงขึ้นมาหน่อย ขณะเดียวกันเราไม่ได้ขอคนอื่นอย่างเดียว อยากบอกให้คนไทยต้องพึ่งตัวเองให้ได้ด้วย โดยรัฐบาลจะทำทุกอย่างในการช่วยเหลือ แต่เกษตรกรและประชาชนต้องรู้จักเรียนรู้เราจะพึ่งกันอย่างไรและจะให้รัฐทำอะไรให้ ไม่ใช่ทุกพวกทุกฝ่ายเรียกร้องให้รัฐบาลช่วยเหลือทุกเรื่อง และท้ายที่สุดมาขอเงินในการช่วยเหลือซึ่งมันไม่ได้ เพราะวันนี้ต้องรู้ว่าเศรษฐกิจตก รายได้ค่อนข้างมีปัญหาและมีมานานแล้ว ดังนั้นเราต้องช่วยกันทำให้หยุดอย่างน้อยไม่ให้เสียหายไปมากกว่านี้ เพราะถ้าปล่อยความเสียหายจะมากกว่านี้ แต่วันนี้เราสามารถทำให้ปัญหาเหล่านี้หยุดชะงักและเดินหน้าต่อไปได้โดยเฉพาะเรื่องการลงทุนและจัดทำงบประมาณซึ่งทุกอย่างไม่ได้แก้ได้ภายในวันนี้ทันที

 “วันนี้ผมได้สั่งการไปยังการเงินการธนาคารให้ธนาคารพาณิชย์และธนาคารของรัฐพูดคุยกัน ผมเป็นห่วงคนมีรายได้น้อย ซึ่งมีหลายระดับซึ่งต้องการเงินตั้งแต่แสนบาทโดยไม่มีการค้ำประกันอะไรทำนองนี้ ซึ่งทางรัฐอาจจะพอช่วยได้ แต่ธนาคารพาณิชย์ก็ต้องเข้ามาร่วมด้วยแต่เข้าใจทางธนาคารพาณิชย์มีหลักเกณฑ์ หลักการหลายอย่างในเรื่องให้เงินลงทุนทำให้เขาเสี่ยงที่จะเป็นเอ็นพีแอลหรือหนี้เสียมากๆไม่ได้ แต่ผมจะหาทางคุยกับเขาว่าจะทำอย่างไรทั้งเรื่องดอกเบี้ย การผ่อนชำระ วงเงินให้กู้ สิ่งค้ำประกันในการให้กู้เงิน ซึ่งวันนี้หลายคนต้องการเงินตั้งแต่วงเงิน 1 แสนบาท โดยเฉพาะแม่ค้าข้าวแกง แม่ค้าขนม เพื่อที่จะนำเงินไปลงทุนประกอบอาชีพ เลี้ยงลูกเลี้ยงหลาน ขายไปเรื่อยๆคิดว่าวันหน้าจะดีขึ้น แต่ในส่วนของพ่อค้าแม่ค้าระดับกลางที่พอจะมีทุนหมุนเวียนมากหน่อยต้องการเงินกู้ในวงเงินประมาณ 5 แสนบาท 1 ล้าน 5 ล้านและ 10 ล้านบาท ตรงนี้ก็ต้องหาแหล่งเงินให้เขา แต่ทำอย่างไรจะทั่วถึง ผมได้สั่งการกระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ไปดูก่อนที่ตนจะเดินทางกลับมาจากต่างประเทศว่าจะทำอย่างไร และจะมีมาตรการอะไรเสริมเข้ามา ซึ่งทุกคนต้องช่วยกันต้องบอกความจริงกัน แต่ถ้าทุกคนจะเอาทั้งหมดโดยไม่มีอะไรเป็นหลักเกณฑ์และถ้าเป็นหนี้ศูนย์ ทางแบงค์ก็จะลำบาก ตรงนี้ต้องเห็นใจกัน มีทรัพย์สินอะไรก็เอามา ผมดูถึงขนาดหากจะเอารถ เอาบ้านมาจำนองหรือค้ำประกันจะสามารถให้เงินกู้ได้เท่าไหร่”

 นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า เรื่องการเงินการคลังบางครั้งมันสั่งมากไม่ได้ จะเอามาตรา44 สั่งนู้นสั่งนี่คงไม่ถูก เพราะระบบการเงินมันยึดโยงกันทั้งประเทศและทั้งโลกแต่ทำอย่างไรเราจะช่วยกัน จึงต้องขอร้องทางเจ้าของธนาคารอาจจะมีการผ่อนผันได้หรือไม่สำหรับคนที่มีหนี้สินเยอะ แต่ถ้าผู้ที่จะกู้เงินมีทรัพย์สินมาค้ำประกันก็ให้เงินกู้เขามากหน่อยไม่ใช่กดต่ำลงเหมือนปกติไม่ได้ ข้อสำคัญต้องให้ทุกคนมีโอกาสเท่าเทียมกันมากหรือน้อยก็ต้องให้ทุกพื้นที่ ทุกกลุ่ม ไม่ใช่ให้แต่กลุ่มตัวเองตรงนี้สำคัญ วันนี้บ้านเมืองมันไปไม่ได้แล้วความขัดแย้งก็มี โรคภัยไข้เจ็บก็เยอะ สาธารณสุขพื้นฐานก็แย่ การศึกษาก็มีปัญหา การเมืองก็มีปัญหา แต่เรื่องการเมืองตนไม่อยากลงไปยุ่งมากนัก แต่ตนถือว่าปากท้องสำคัญที่สุด หากใครคิดว่าเรื่องการเมืองสำคัญกว่าก็เอาไปขอร้องกับพวกการเมือง

 “วันนี้ผมพยายามทำให้อยู่ได้แต่ไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้โดยเร็ว หลายเรื่องหลายคนตำหนิผมทุกวัน แถมยังปรามาสอีกจะเสร็จหรือจะทำได้หรือเปล่า ผมคิดว่าคนไทยแบบนี้ไม่ถูก ต้องเปลี่ยนทัศนคติวิธีคิดกันใหม่ ถ้าคิดแบบนี้ตนบอกได้เลยไม่มีทางเจริญเพราะไม่เข้าใจ ไม่เคยเข้าใจ และไม่คิดจะเข้าใจ ผมไม่ได้พูดถึงคนดี คนดีเยอะกว่าคนไม่ดีแน่นอน แต่คนไม่ดีพยายามที่จะปลุกปั่นยุยงให้คนเหล่านี้เข้าใจผิดๆต่อไป สื่อบางคอลัมถ์ก็เขียนในเชิงไม่สร้างสรรค์ ไม่รู้ว่าวันนี้สถานการณ์บ้านเมืองอยู่ตรงไหน และผมเข้ามาทำอะไร ผมเข้ามาทำให้เกิดปัญหาขึ้นหรืออย่างไร แม้กระทั่งเรื่องIUU เรื่องค้ามนุษย์มันเกิดขึ้นเมื่อไหร่ 6 เดือนผมเข้ามาแก้ทุกอย่างและยังแก้ไม่ได้เลย ขอถามว่าเรื่องพวกนี้เกิดมากี่ปีแล้ว แล้วมาอ้างว่าผมเข้ามาควบคุมอำนาจ ทำให้เกิดIUU กับการค้ามนุษย์มันใช่หรือไม่ เรื่องพวกนี้ไม่ว่าผมจะทำหรือไม่ทำ มันมีการทุจริตอยู่แล้วหรือเปล่า โดยเฉพาะการไม่ขึ้นทะเบียนเรือ ซึ่งมันก็มีอยู่แล้วแทนที่จะช่วยกันหารือร่วมกันและให้กำลังใจ ขอให้รัฐบาลเดินหน้าต่อไป ผู้ประกอบการเข้ามาให้ความร่วมมือ ผู้ใช้แรงงานปฏิบัติตามกฎหมาย แต่ตอนนี้ข้างล่างมั่วเละไปหมด รัฐบาลก็ต้องไปกวดขันเจ้าหน้าที่ทุกคน ทุกเหล่า ทุกหน่วยงานให้ทำงานได้ และวันนี้ก็เห็นขมีขมันทำงานกันทุกคน ความพบกพร่องอยู่ที่ใคร มันควรจะเป็นความบกพร่องใคร และใครที่ทำให้เกิดความเสียหายจนถึงทุกวันนี้ ไปหาให้เจอ อะไรก็มาโยนคสช. อะไรก็ประยุทธ์ๆ ทุกอย่าง นอนไม่หลับกินไม่ได้ก็ประยุทธ์ ต้องใช้มาตรา 44 อีกรึเปล่าก็ไม่รู้ เรากำลังอยู่ในช่วงวิกฤติไม่ใช่มันดี มันไม่ดีมาตลอดเพียงแต่มันไม่ออกมา แต่พอผมเข้ามามันก็ออกมา แล้วก็มาซ้ำเติมผม มันไม่ใช่ใครจะมามีกำลังใจทำแต่ผมก็ยังอดทนอยู่ไม่ว่ากัน”นายกรัฐมนตรี กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า มาตรการหรือแนวทางในการกระตุ้นเศรษฐกิจทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เสนอเรื่องการปรับโครงสร้างการสนับสนุนเอสเอ็มอี ซึ่งตนก็สั่งการลงไป แต่คนทำล้านคนข้างล่างจะทำสักกี่คน จะสำเร็จหรือไม่ แต่ถ้าทำอย่างที่ตนบอกไปสำเร็จแน่ แต่ถ้าทำ 30% อีก 70% ไม่ทำจะสำเร็จหรือไม่ โครงสร้างเหล่านี้มันจะเกิดหรือไม่ เพราะงานด้านเศรษฐกิจเป็นโครงสร้างที่เหมือนร่างกายคน ถ้าจะมีแรงต้องมาจากปอด ตับ ไส้ พุง ไม่ใช่ข้าราชการคนเดียว หรือรัฐบาลอย่างเดียว ประชาชนต้องร่วมด้วย พ่อค้าคนกลางทั้งหมดต้องช่วยกัน แต่ถ้าวันนี้ทุกคนยังแสวงแต่ผลกำไรเหมือนเดิมทุกอย่าง พอลดกว่าเดิมก็โวยวาย แต่ถ้าได้ประโยชน์ก็เฉยตรงนี้ต้องปรับใหม่ ต้องดูว่าระเบียบวินัยอยู่ตรงไหน ยังมีการจ่ายใต้โต๊ะอยู่หรือเปล่าจ่ายที่ไหน เพราะตนไม่ได้สั่งให้มีเรื่องใต้โต๊ะทุกอย่างประมูลโปร่งใส แต่ถ้าตนสั่งแล้วไม่ทำให้รายงานมาที่ตนจะลงโทษ ขจัดคนเลวไปเรื่อยๆ ตนมีเวลาทำให้ได้แค่นี้ หลังจากนี้เอาเถอะจะไปเรียกร้องกับใครก็ไปเถอะ

 

นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า เรื่องเศรษฐกิจนอกประเทศ 70% และรายได้รัฐมาจากการส่งออก วันนี้การส่งออกก็ตก เพราะเขาไม่ซื้อเราการซื้อน้อยลง เขามีความขัดแย้งเศรษฐกิจตกเขาก็ซื้อน้อย ขณะที่โครงสร้างพื้นฐานด้านเศรษฐกิจของไทย ทำแบบขายอย่างเดียวขายวัตถุดิบเอกชนทำกันเอง รัฐบาลอำนวยความสะดวกตามกฎหมาย ไม่ได้มาบี้มาตามจี้กระทรวงพาณิชย์แบบตน และว่ากระทรวงพาณิชย์ทุกวัน เขาทำมากกว่ารัฐบาลอื่นๆทำมาด้วยซ้ำ ทั้งเดินสายต่างประเทศ เปิดตลาดรองในประเทศต่างๆ แต่ทุกอย่างมันต้องมีการแข่งขันบริษัทเอสเอ็มอี มี90 % จดทะเบียนกับรัฐยังไม่ครบ ขึ้นทะเบียน 6 แสนราย อีก 2.6 แสนรายหายไปไหน เพราะกลัวภาษี ทางเจ้าหน้าที่ก็ปล่อยปละละเลย ต้องรื้อทั้งระบบ แต่ถามว่าจะรื้อทันไหม วันนี้เร่งทุกวัน บ่นทุกวัน ว่าทุกอาทิตย์ ก็ได้มาระดับหนึ่ง

 

นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า สินค้าด้านการเกษตรวันนี้ที่ขายไม่ดีราคาตก เป็นเพราะอะไร ข้าวค้างอยู่ในคลังเพราะอะไร ข้าวฤดูการใหม่ที่จะออกมาจะทำกันอย่างไร ต้องหาเงินไปให้เขาอีกหรือเปล่า ชาวนาจะเดือดร้อนอีกหรือไม่และยังมีเรื่องราคายางอีก เรื่องราคายางในต่างประเทศยังมีปัญหาแล้วเราจะมาเอาราคา 70-80 บาทได้อย่างไร เก็บภาษีก็ไม่ได้ขายของสู้ต่างประเทศก็ไม่ได้ อะไรก็ไม่ได้สักอย่างแต่จะเอาหมดทุกอย่าง สาธารณะสุขก็ไม่พอ การศึกษาก็ไม่ดี ฟรีทั้งหมด มันเหมือนกับเห็นช้างขี้ ขี้ตามช้าง ประเทศไทยที่ผ่านมา แต่ตนก็แก้ไม่ได้เพราะมันทำไปแล้ว วันนี้คนรวยเสียสละด้วยหรือไม่ เอาส่วนที่ตนมีไปให้คนที่มีรายได้ปานกลาง รายได้น้อยใช้ประโยชน์ วันนี้ตนพร้อมบริจาค ซึ่งตนไม่เคยไปรบกวน ไม่อยากให้ใช้มากนักแต่เป็นสิทธิ์ของเขา ถ้าไม่มีสิทธิ์เรื่องการรักษาพยาบาลก็ไม่มีใครเป็นข้าราชการหรอก มันเสี่ยง เว้นแต่คนทุจริตอยากเป็น ไม่มีใครรวยหรอก