สรุปภาวะตลาดเงินตลาดทุนรายสัปดาห์ วันที่ 20-24 เมษายน 2558

สรุปความเคลื่อนไหวของค่าเงินบาท

- เงินบาทอ่อนค่าช่วงท้ายสัปดาห์ เงินบาทปรับตัวในกรอบที่แข็งค่าเล็กน้อยในช่วงต้นสัปดาห์สอดคล้องกับสถานะซื้อสุทธิหุ้นและพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติ และทิศทางการแข็งค่าของสกุลเงินในภูมิภาคที่รับข่าวธนาคารกลางจีนปรับลดสัดส่วนการกันสำรองของธนาคารพาณิย์ ขณะที่ ความไม่แน่นอนของช่วงเวลาการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดก็ทำให้เงินดอลลาร์ฯ ยังขาดแรงหนุนที่ต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี เงินบาทกลับมาอ่อนค่าทดสอบระดับ 32.55 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงท้ายสัปดาห์ ขณะที่ นักลงทุนรอดูผลการประชุมกนง. ในสัปดาห์ถัดไป

- สำหรับในวันศุกร์ (24 เม.ย.) เงินบาทอยู่ที่ 32.55 เทียบกับระดับ 32.38 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (17 เม.ย.)

สำหรับสัปดาห์ถัดไป (27-30 เม.ย.) ธนาคารกสิกรไทยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 32.50-32.70 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยปัจจัยที่นักลงทุนทั่วโลกรอจับตา ก็คือ ผลการประชุมนโยบายการเงินของเฟด (28-29 เม.ย.) และความคืบหน้าของการเจรจาระหว่างกรีซกับกลุ่มเจ้าหนี้ ขณะที่ ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ประกอบด้วย ดัชนี PMI ภาคการผลิตของมาร์กิต และ ISM ดัชนี PMI เขตชิคาโก ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนเม.ย. ยอดทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขายเดือนมี.ค. และจีดีพีประจำไตรมาส 1/58 (รายงานครั้งที่ 1) นอกจากนี้ ตลาดการเงินในประเทศอาจมีจุดสนใจเพิ่มเติมที่การประชุมนโยบายการเงินของกนง. ข้อมูลเศรษฐกิจเดือนมี.ค. และอัตราเงินเฟ้อเดือนเม.ย.ของไทย


สรุปความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทย

- ดัชนี SET ปรับลดลง หลังผลประกอบการกลุ่มธนาคารออกมาอ่อนแอกว่าที่คาดไว้ โดยปิดที่ระดับ 1,555.46 จุด ลดลง 0.73% จากสัปดาห์ก่อน มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันลดลง 14.94% จากสัปดาห์ก่อน มาที่ 41,230.16 ล้านบาท ส่วนตลาดหลักทรัพย์ MAI ปิดที่ 706.12 จุด ลดลง 1.95% จากสัปดาห์ก่อน

- ตลาดหุ้นไทยปรับลดลงในวันจันทร์ โดยได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของราคาน้ำมัน ก่อนที่ตลาดจะฟื้นตัวขึ้นในวันอังคาร จากอานิสงส์การซื้อหุ้นของนักลงทุนต่างชาติ จากนั้น ตลาดปรับลดลงในช่วงกลางสัปดาห์ จากแรงขายทำกำไรหลังผลประกอบการกลุ่มธนาคารที่รายงานออกมาค่อนข้างน่าผิดหวัง ขณะที่นักลงทุนต่างชาติกลับมาขายหุ้นไทยอีกครั้ง อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นไทยฟื้นตัวขึ้นได้ในวันศุกร์ จากแรงซื้อหุ้นกลับของนักลงทุน

สำหรับสัปดาห์ถัดไป (27-30 เม.ย.) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีมีแนวต้านที่ 1,578 และ 1,603 จุด ตามลำดับ ขณะที่แนวรับอยู่ที่ 1,540 และ 1,515 จุด โดยปัจจัยที่ต้องติดตาม ได้แก่ การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของไทย ปัจจัยภายนอก ได้แก่ ประชุมสุดยอดผู้นำยุโรป การประชุมเฟด และการประชุมนโยบายการเงินของ BOJ ส่วนการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาทิ จีดีพี ไตรมาส 1/58 (Adv. Est) ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อสำรวจโดย ISM ข้อมูลในภาคอสังหาริมทรัพย์ นอกจากนี้ ยังต้องจับตารายงานดัชนี PMI ของจีน