ผลวิจัยชี้จีนติดกลุ่มใช้เงินทุนอย่างฟุ้งเฟ้อ

ผลวิจัยชี้จีนติดกลุ่มใช้เงินทุนอย่างฟุ้งเฟ้อ

ผลวิจัยเผย จีน ติดโผกลุ่มประเทศใช้เงินฟุ้งเฟห้อ เพื่อสนองความต้องการและเสริมภาพลักษณ์ของตัวเอง

ผลวิจัยจากแบงก์ ออฟ อเมริกา เมอร์ริลล์ ลินช์ ระบุว่า จีน กำลังขับเคลื่อนการเติบโตไปสู่การเป็นดินแดนแห่งการบริโภคที่ฟุ้งเฟ้อของของโลกอย่างรวดเร็ว เม็ดเงินถูกหว่านไปกับการสนองความต้องการของตัวเอง,การปรับปรุงรูปลักษณ์ และสร้างบารมี
รายงานของธนาคารเพื่อการลงทุนแห่งนี้ ระบุด้วยว่า มีการใช้เงินทุนอย่างฟุ้งเฟ้อ ในส่วนที่เป็น "เกรทเทอร์ ไชน่า" ซึ่งครอบคลุมแผ่นดินใหญ่, ฮ่องกง, ไต้หวัน แต่ไม่รวมมาเก๊า ที่กำลังเติบโตเฉลี่ยปีละ 15.6 %และแซงหน้าใครในโลกในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา
การบริโภคที่ฟุ้งเฟ้อรวมถึง นาฬิกาข้อมือหรู, เครื่องประดับ, แฟชั่นห้องเสื้อหรูระดับโอต์ กูตูร์,ไวน์เลื่องชื่อ, การศึกษาระดับไอวี่ ลีก, เครื่องบินเจ็ตส่วนตัวและเรือสำราญ ส่วนที่รองลงมา ที่ถือว่าอยู่ในระดับกลาง ได้แก่ เครื่องสำอาง, สมาร์ทโฟนและสิ่งปรนเปรอสุขภาพ ขณะที่การเติบโตในอนาคตของภูมิภาคนี้ มีแนวโน้มที่จะแซงหน้าพื้นที่ส่วนอื่นๆ ของโลก ไปจนถึงปี 2561 ด้วยอัตราเฉลี่ย 8.2% ต่อปี
ทั้งนี้ การใช้จ่ายในทั่วโลกของจีนเพิ่มขึ้น 6 %ปีต่อปี เป็น 4.5 ล้านล้านดอลลาร์ เมื่อปีที่แล้ว ขณะที่ตลาดการบริโภคทั่วโลกยังคงอ่อนแอ ท่ามกลางการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ซบเซา มูลค่าการใช้จ่ายอย่างฟุ้งเฟ้อของกรุงปักกิ่งพุ่งสูงถึง 661,000 ล้านดอลลาร์ เมื่อปี 2557 ตามหลังยุโรป ซึ่งอยู่ที่ 748,000 ล้านดอลลาร์ และสหรัฐ 663 ล้านดอลลาร์
นักวางยุทธศาสตร์ของเมอร์ริล ลินช์ ในฮ่องกง นายอาเจย์ ซิงห์ กาปูร์ ซึ่งร่วมเขียนงานวิจัยชิ้นนี้ ให้ความเห็นว่า ชาวจีน, ชาวอินเดียและชาวเกาหลีใต้ ต่างเป็นแฟนสินค้าหรูหราฟุ้งเฟ้อในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา พร้อมทั้งยกตัวอย่างว่า ตลาดเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายและรองเท้าในจีน, อินเดียและเกาหลีใต้ เติบโตอย่างแข็งแกร่งขึ้นปีละ 16.8% ระหว่างปี 2552-2557 ขณะที่ทั่วโลกเติบโตเพียง 4.8%