ตามล้าง ตามเช็ด

ตามล้าง  ตามเช็ด

ผ่านไปแล้วสำหรับเทศกาลที่มีคนไทยเดินทางกันมากที่สุดของทุกปี นั่นคือเทศกาลสงกรานต์

หรือเทศกาลปีใหม่ตามประเพณีไทยแต่โบราณ ซึ่งแม้ว่าปรกติวันหยุดตามประเพณีสงกรานต์จะมีเพียงแค่ 3 วัน ประกอบไปด้วย วันที่ 13, 14 และ 15 เม.ย. เท่านั้น แต่ทุกปีมักจะมีประกาศจากรัฐบาลเพิ่มวันทำงานที่อยู่ระหว่างวันหยุดแถมเข้าให้ด้วย ทำให้วันหยุดในช่วงเทศกาลสงกรานต์จึงมียาวต่อเนื่องมากกว่า 3 วันตลอดมา ส่วนในปีนี้วันที่ 13 เม.ย.ตรงกับวันจันทร์ จึงทำให้มีวันหยุดเพิ่มมาจากวันเสาร์และวันอาทิตย์ที่ 11 และ 12 ส่งผลให้เกิดวันหยุดราชการยาวนานถึง 5 วัน
การใช้รถยนต์อย่างมากมายของคนไทยในช่วงเทศกาลเช่นสงกรานต์ ทำให้เป็นช่วงเวลาที่ภาครัฐต้องออกมารณรงค์อย่างหนักถึงอันตรายที่เกิดขึ้นจากอุบัติเหตุ เพราะเป็นช่วงเวลาที่มีสถิติอุบัติเหตุทางรถยนต์ภายในประเทศสูงที่สุดในรอบปี มีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถเฉพาะเทศกาลสงกรานต์ปีละหลายร้อยคน
แต่เมื่อวันเวลาแห่งเทศกาลทั้งหลายผ่านพ้นไปแล้ว กลับไม่เคยมีหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนออกมาเตือนคนใช้รถอีกเลยว่า เขาเหล่านั้นควรต้องปฏิบัติอย่างไรกับรถยนต์ที่ถูกนำไปใช้เป็นพาหนะในการเดินทาง ซึ่งส่วนมากจะเป็นการเดินทางที่ยาวทั้งระยะทาง และยาวนานเมื่อคิดเป็นเวลาการทำงานของเครื่องยนต์ และมักจะถูกใช้บนเส้นทางที่ทำให้เกิดการสึกหรอของเครื่องยนต์และชิ้นส่วนสำคัญอื่นๆมากกว่าปรกติด้วย
ผู้ใช้รถยนต์เองก็มักจะเพิกเฉยต่อการดูแลรักษารถยนต์หลังจากใช้งานหนักผ่านไปแล้ว ด้วยเห็นว่าภารกิจของตนเองได้หมดสิ้นลงไปแล้ว ต่อจากนี้ไปหากจะมีข้อขัดข้องใดๆ เกิดขึ้นก็ไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญแต่อย่างใด หรือบางคนก็นึกไม่ถึงว่าการใช้รถยนต์ในชีวิตประจำวันในเมืองจะมีเหตุสำคัญอะไรที่ทำให้รถยนต์เสียหายขึ้นมาได้อีก เพราะได้ผ่านการทดสอบใช้งานหนักๆ บนเส้นทางหฤโหดระยะยาวมาแล้ว
วันนี้ผมจึงขออนุญาตออกมาเตือนและแนะนำคนที่เพิ่งนำรถไปใช้งานเดินทางไกลมา อย่างน้อยท่านต้องรีบล้างทำความสะอาดรถทั้งภายนอกและภายในทันทีที่มีโอกาส เพราะการเดินทางบนทางหลวงแผ่นดินระหว่างจังหวัด ท่านอาจจะต้องขับรถฝ่าเปลวแดดร้อนจัดบนถนนที่มีผิวเป็นยางมะตอย นั่นหมายความว่ายางล้อรถของท่านอาจจะสลัดเอาเศษยางมะตอยให้มาเกาะติดตามบริเวณตัวถังใกล้ๆ กับซุ้มล้อเป็นจุดๆ ดำๆ เล็กบ้างใหญ่บ้าง
การล้างเอายางมะตอยออกจากตัวถังรถทำได้ง่ายมาก เพียงแค่ล้างสีรถภายนอกตามปรกติ จากนั้นจึงเอาผ้าชุบน้ำมันก๊าดมาลูบเบาๆ บริเวณที่มียางมะตอยติด ยางมะตอยจะละลายติดผ้าที่ชุบนั้นก๊าดออกมาเอง สิ่งสำคัญคือขณะที่ลูบผ้าชุบน้ำมันก๊าดนั้นอย่าออกแรงกด ถ้าลูบครั้งเดียวยังไม่ออกก็ลูบหลายๆ ครั้งโดยลูบไปทิศทางเดียวกันอย่าลูบเป็นวงกลมตลอดเวลา เมื่อเห็นว่าคราบยางมะตอยหลุดออกหมดแล้ว ก็เอาน้ำมาราดทำความสะอาดบริเวณนั้นอีกครั้งหนึ่งเท่านี้ก็จบกระบวนการแล้ว
ส่วนท่านที่ต้องขับรถตอนกลางคืนเพื่อเดินทางไกล ให้ตรวจดูว่าบริเวณฝากระโปรงหน้าและที่ครีบรังผึ้งหม้อนี้คราบตัวแมลงมาบี้ตายติดอยู่หรือไม่ ถ้ามีก็เอาน้ำมาราดหรือฉีดชโลมไปให้ทั่วบริเวณเพื่อให้คราบตัวแมลงเหล่านั้นอ่อนตัวเปื่อยยุ่ย จากนั้นจึงเอาผ้าเปียกนำโชกๆ มาเช็ดเบาไปตามบริเวณดังกล่าว ส่วนที่ครีบรังผึ้งหม้อน้ำหลังจากที่เห็นว่าคราบตัวแมลงเปื่อยยุ่ยดีแล้ว ให้เอาน้ำฉีดซ้ำไปเบาๆ อย่าเร่งแรงดันน้ำให้สูงมาก เพราะแรงดันน้ำที่สูงเกินไปจะทำให้ครีบรังผึ้งหม้อน้ำล้มหรือบี้แบนจนลมไม่สามารถผ่านไประบายความร้อนได้ บริเวณที่ควรให้ความสนใจเป็นพิเศษก็คือ พื้นที่หลังคาตรงส่วนที่อยู่ติดกับกรอบกระจกหน้าด้านบน และบริเวณครีบรังผึ้งหม้อน้ำและครีบรังผึ้งแผงคอยล์ร้อนของแอร์ เพราะบริเวณดังกล่าวจะเป็นพื้นที่รับซากแมลงมากที่สุด
พื้นที่ในห้องโดยสารและห้องเก็บของท้ายรถ ก็ให้รื้อเอาพรมหรือผ้ายางปูพื้นออกมาปัดเช็ดทำความสะอาดและตากแดดให้แห้งสนิท ส่วนบริเวณอับชื้น เช่น ตามซอกขอบประตูและตามรอยเชื่อมอ๊อกต่างๆรวมทั้งพื้นที่ใต้เบาะนั่ง หาผ้าแห้งมาเช็ดให้แห้งสนิทเพราะอาจจะมีหยดน้ำจากการเล่นสงกรานต์ไปฝังตัวอยู่กับฝุ่นและทราย ทำให้เกิดความชื้นสะสมและเป็นสนิมได้ง่าย
เช่นเดียวกันกับหลุมเก็บยางอะไหล่ในห้องเก็บของท้ายรถ ก็ต้องรื้อออกมาทำความสะอาดและเช็ดให้แห้งสนิทด้วยเช่นกัน ยกเอายางอะไหล่ออกมาล้างและตากให้แห้งสนิทก่อนเก็บ จากนั้นก็เปิดฝากระโปรงท้ายให้ผึ่งแดดแรงๆ เอาไว้สัก 1 หรือ 2 ชม. เป็นอย่างน้อย นอกจากจะช่วยให้แห้งสนิทแล้วยังช่วยลดกลิ่นเหม็นอับชื้นใต้ฝากระโปรงลงไปได้ดีมากอีกด้วย
การตรวจตราทำความสะอาดรถหลังใช้งานหนักมาเช่นนี้ จะช่วยให้รถยนต์ของท่านปลอดจากสนิมและมีความสวยสดงดงามต่อไปอีกนานครับ