แผนพลิกขาดทุน สู่ 'กำไร' SGP

แผนพลิกขาดทุน สู่ 'กำไร' SGP

'จินตณา กิ่งแก้ว' มือขวา 'ตระกูลวีรบวรพงศ์' แห่ง บมจ.สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ รับอาสาแชร์โมเดล 'กอบกู้กำไร' ย้ำปีนี้เตรียมออกตะลุขยายตล

ราคาก๊าซ LPG ตลาดโลก (CP Saudi Aramco) ที่ปรับตัวลดลง จากระดับ 1,020 เหรียญต่อตัน เหลือ 500 เหรียญต่อตัน ตั้งแต่กลางปี 2557 หลังราคาน้ำมันลงอย่างหนัก ขณะที่ความต้องใช้ก๊าซ LPG ไม่สอดคล้องกับความต้องการ บวกกับการลดลงของกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราที่เกิดจากธุรกิจการจำหน่ายก๊าซ LPG ในต่างประเทศ

คือ ต้นเหตุสำคัญที่ทำให้ บมจ.สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ หรือ SGP ผู้จำหน่ายก๊าซปิโตรเลียมเหลว (ก๊าซหุงต้ม หรือ LPG) ในส่วนสถานีบรรจุก๊าซและสถานีบริการก๊าซรถยนต์ 'ขาดทุนสุทธิ 514 ล้านบาท' ในปี 2557 เมื่อเทียบกับปี 2556 ที่มีกำไรสุทธิ 1,602 ล้านบาท (มีกำไรจากการซื้อธุรกิจ 2 รายการ จำนวน 531.23 ล้านบาท)

ทว่าปี 2558 อาจเป็นอีกปีที่ 'อุปสงค์' (ความต้องการ) และ 'อุปทาน' (ปริมาณของ สินค้า) ไม่สอดคล้องกัน แม้ในปีนี้เมืองจีนจะมีการเปิดโรงงานปิโตรเคมีแห่งใหม่หลายโครงการ แต่เมื่อประเทศสหรัฐอเมริกายังคงเดินหน้าผลิต shale gas (ก๊าซธรรมชาติที่ถูกกักเก็บไว้ในชั้นหินดินดาน) อย่างต่อเนื่อง ประกอบกับราคาน้ำมันดิบที่มีแนวโน้มอยู่ในระดับต่ำ ดังนั้นในปี 2558 อาจไม่มีโอกาสเห็นราคาก๊าซ LPG ในตลาดโลกแตะระดับ 1 พันเหรียญต่อตัน เมื่อเป็นเช่นนั้น!! บมจ.สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ อาจต้องเผชิญหน้ากับการขาดทุนอีกปีหรือไม่? 

'จินตณา กิ่งแก้ว' รองกรรมการผู้จัดการ บมจ.สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ ยืนยันกับ 'กรุงเทพธุรกิจ Biz Week' ว่า แม้ปีนี้ราคาก๊าซ LPG ในตลาดโลกจะไปไม่ถึง 1 พันเหรียญต่อตัน จากเดือนเม.ย.ที่วิ่งอยู่แถวๆ 465 เหรียญต่อตัน แต่เชื่อว่า ราคา LPG และราคาน้ำมันดิบจะไม่เหวี่ยงขึ้นลงแรงเหมือนปีก่อน

ขณะที่บริษัทวางแผนจะขยายตลาด ทั้งในและนอกประเทศมากขึ้น ควบคู่ไปกับการควบคุมต้นทุนให้เหมาะสม รวมถึงธุรกิจในเมืองจีนมีแนวโน้มที่ดี นอกจากนั้นยังเชื่อว่าแนวโน้มความต้องการใช้ก๊าซ LPG ยังมีอีกเยอะ โดยเฉพาะในประเทศจีน เพราะปีนี้จะมีการเปิดโรงงานปิโตรเคมีที่ใช้ก๊าซ LPG เป็นเชื้อเพลิงในการผลิตหลายแห่ง หลังเลื่อนการเปิดมาจากปีก่อน

ฉะนั้นในปี 2558 เราจะกลับมามีกำไรสุทธิเท่าปี 2556 ที่ระดับ 1.6 พันล้านบาท ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นอาจยืนระดับ 10%

'หากไม่อยากให้ผลประกอบการผันผวน เราคงต้องหารายได้พิเศษจากทางอื่น เช่นการปล่อยเช่าคลังก๊าซ LPG มากขึ้น ซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้เพียง 20% ขณะเดียวกันต้องพยายามบริหารต้นทุนให้ถูกที่สุด ซึ่งการที่เรามีกองเรือเป็นคนตัวเอง โดยไม่ต้องไปจ้างใคร ส่งผลให้ต้นทุนของเราถูกกว่าคนอื่น'

สำหรับในแง่ของรายได้รวม แน่นอนว่า คงขยายตัวประมาณ 5-7% เมื่อเทียบกับปี 2557 ที่มีรายได้ 6.21 หมื่นล้านบาท โดยยอดขายในประเทศจะอยู่ประมาณ 1.2 ล้านตัน คิดเป็นอัตราการเติบโตประมาณ 10% ส่วนยอดขายต่างประเทศจะอยู่ประมาณ 6 แสนตัน แบ่งเป็นยอดขายจากเมืองจีน เวียดนาม มาเลเซีย และสิงคโปร์ โดยจะมีการเติบโตระดับ 15%-11%-2% ตามลำดับ

อย่างไรก็ดีในช่วงที่ราคา LPG ผันผวน เราก็ใช้กลยุทธ์การบริหารจัดการสต็อก ซึ่งผลจากการบริหารสต็อกที่ผ่านมา ทำให้เราขาดทุนไม่เยอะ ถ้าหากเราบริหารจัดการไม่ดีเก็บสต็อกไว้เต็มคลังมีหวังตายแน่ๆ ช่วงไหนเป็นโลซีซั่นของธุรกิจ ความต้องการจะไม่เยอะ เราก็จะบริหารสต็อกสินค้าแบบเดือนต่อเดือน ถ้าจะมีสต็อกจัดเต็ม ก็ประมาณ 1 เดือน

'แนวโน้มผลประกอบการไตรมาสแรกของปีนี้ มีโอกาส 'พลิกมีกำไร' หลังทิศทางราคาก๊าซปิโตรเลียมเหลว มีสัญญาณที่ดีขึ้น ซึ่งเริ่มเห็นภาพชัดเจน ในช่วงเดือนก.พ.ที่ผ่านมา ล่าสุดราคาขึ้นจาก “จุดต่ำสุด” 447.5 เหรียญต่อตัน เมื่อเดือนม.ค.ที่ผ่านมา ขึ้นมาอยู่ที่465 เหรียญต่อตัน'

'จินตณา' เล่าเรื่องการลงทุนในปี 2558 ว่า เราตั้งงบลงทุนไว้ระดับ 600 ล้านบาท โดยเงินส่วนใหญ่จะมาจากกระแสเงินสดที่มีอยู่ประมาณ 1.9 พันล้านบาท เราตั้งใจจะนำไปใช้สร้างสถานีบริการก๊าซ LPG จำนวน 5 แห่ง มูลค่าแห่งละ 15 ล้านบาท (ไม่รวมที่ดิน) นอกจากนั้นยังนำไปใช้ผลิตเตาบรรจุ LPG ขนาดเล็กเพิ่มเติมอีก 4-5 หมื่นใบ รวมถึงนำไปลงทุนก่อสร้างคลังเก็บ LPG แถวสุขสวัสดิ์ ขนาดบรรจุ 3,000 ตัน

ถามเรื่องการลงทุนในธุรกิจใหม่ เธอยอมรับว่า ที่ผ่านมาเคยมีการพูดคุยกันเรื่อง 'พลังงานทดแทน' ล่าสุดบริษัทจดทะเบียนแห่งหนึ่ง มาชักชวนเราไปทำโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ เขาคงเห็นว่า บริษัทมีพื้นที่ค่อนข้างเยอะ และมีความพร้อมทุกด้าน คาดว่าจะได้เห็นความชัดเจนเร็วๆนี้ ซึ่งเราต้องใช้เวลาศึกษาพอสมควร เพราะไม่มีความถนัดในธุรกิจนี้

นอกจากนั้นบริษัทยังมองเรื่องการลงทุนในธุรกิจพลังงานอื่นๆด้วย เพื่อต่อยอดธุรกิจ LPG ล่าสุดมีแนวคิดจะทดลองเปิดศูนย์บริการก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ (NGV) จำนวน 1-2 สถานี ภายในปีนี้ โดยเราจะใช้ท่อส่งก๊าซเดียวกันกับ LPG

'รองกรรมการผู้จัดการ' เล่าถึงแผนธุรกิจในช่วง 3 ปีข้างหน้า (2558-25560) ว่า เป้าหมายแรก เรามีแผนจะขยายคลังก๊าซเพิ่มขึ้น ควบคู่ไปกับการขยายตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศอินเดีย ล่าสุดมีผู้ประกอบการเข้ามาเจรจากับเราแล้ว ปัจจุบันบริษัทได้เข้าไปทำธุรกิจแล้ว 4 ประเทศ คือ 'จีน-มาเลเซีย-สิงคโปร์-เวียดนาม' 


ขณะเดียวกันตอนนี้กำลังเจรจาเรื่องการลงทุนสร้างคลังก๊าซ และซื้อถัง LPG ในแถบ AEC แต่ตอนนี้ยังไม่เป็นรูปธรรม เนื่องจากติดปัญหาบางอย่าง เบื้องต้นคาดว่าจะเข้าไปลงทุนในประเทศพม่า ลาว และฟิลิปปินส์ แต่อาจได้เห็นประเทศพม่าก่อน มูลค่าลงทุน 30-40 ล้านบาท เนื่องจากความต้องการใช้ก๊าซ LPG มีค่อนข้างมาก

เป้าหมายต่อไป คือ เราอยากมีรายได้แตะ 'แสนล้านบาท' หลังขยายตลาดออกสู่ต่างประเทศมากขึ้น โดยรายได้ต้องเติบโตเฉลี่ยปีละ 10% ส่วนตัวเชื่อว่า ตัวเลขนี้ไม่ใช่เรื่องยาก เนื่องจากเรามีความชำนาญในการเข้าไปทำตลาดต่างประเทศแล้ว ขณะเดียวยังมีทีมงานที่พร้อมออกทำงาน ซึ่งการเข้าไปทำงานในต่างประเทศ เรายังสามารถต่อยอดไปในธุรกิจใกล้เคียงได้อีก

'เราอยากขึ้นแท่นผู้ประกอบธุรกิจพลังงานอันดับต้นของแถบเอเชียตะวันออก'

'สำหรับแผนธุรกิจในประเทศ เรายังคงเดินหน้าขยายธุรกิจค้าก๊าซ LPG อย่างต่อเนื่อง ด้วยการเพิ่มจำนวนสถานีบริการก๊าซ LPG และโรงบรรจุก๊าซ LPG รวมถึงการขยายธุรกิจขนส่งทางเรือ โดยการซื้อเรือเพิ่มขึ้น เพื่อใช้ในการขนส่งก๊าซ LPG'

เธอ พูดทิ้งท้ายว่า วันนี้ราคาหุ้น SGP ถือว่า ต่ำกว่าราคาพื้นฐานที่แท้จริง โดยมองว่า ราคาเหมาะสมน่าจะอยู่ระดับ 20 บาท ล่าสุดได้มีนักลงทุนต่างชาติเข้ามาถือหุ้น SGP เพิ่มขึ้นจาก 2-3% เป็น 11.9% หลังบริษัทเดินทางไปนำเสนอข้อมูลอย่างต่อเนื่อง

'จุดต่ำสุด' ผ่านไปแล้ว


บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส แนะนำ 'ซื้อ' หุ้น SGP ราคาเป้าหมาย 16 บาทต่อหุ้น โดยการที่บริษัทปรับกลยุทธ์มาขยายตลาดต่างประเทศมากขึ้น จะส่งผลให้มาร์จิ้นดีขึ้น ขณะเดียวกันธุรกิจได้ผ่าน 'จุดต่ำสุด' ไปแล้ว หลังราคา LPG ในเมื่อเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา ลงไปยืนจุดต่ำสุดแล้ว

โดยในเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา ราคาก๊าซ LPG กำลังเริ่มฟื้นตัว ฉะนั้นคาดว่าผลประกอบการในปี 2558 จะพลิกกลับมาเป็นกำไรสุทธิประมาณ 1.07 พันล้านบาท จากที่ขาดทุนสุทธิ 514 ล้านบาท ในปี 2557 บนสมมุติฐานที่ว่า ปีนี้บริษัทจะขาดทุนจากสต็อกน้อยลง

'ปริมาณขายในประเทศปีนี้จะเติบโต 5% โดยได้รับการสนับสนุนจากอุปสงค์ของภาคขนส่ง ส่วนปริมาณขายภาคครัวเรือนคาดว่า จะขยายตัว 3% “จุดเด่น” ของบริษัท คือ กระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง'

อย่างไรก็ดีการที่คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ได้ปรับโครงสร้างราคาก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) เพื่อให้สะท้อนต้นทุนแท้จริง โดยกำหนดราคาตั้งต้นของก๊าซ LPG ของผู้ใช้ทุกกลุ่ม ทั้งภาคครัวเรือน ขนส่ง อุตสาหกรรม และปิโตรเคมี ให้เป็นราคาเดียวกัน

โดยใช้วิธีเฉลี่ยแบบถ่วงน้ำหนัก (LPG Pool) เพื่อให้ได้ราคาซื้อตั้งต้นของก๊าซ LPG สะท้อนต้นทุนการจัดหา และใช้กองทุนน้ำมันฯ เป็นกลไกบริหารจัดการด้านราคาก๊าซ LPG โดยแนวทางดังกล่าวจะมีผลตั้งแต่วันที่ 2 ก.พ. เป็นต้นไป ประเด็นดังกล่าวจะส่งผลให้มีการแข่งขันในอุตสาหกรรมอย่างเป็นธรรมมากขึ้น ทำให้การบริหารจัดการของบริษัททำได้ง่ายขึ้นกว่าในอดีต