คาร์บอมเซ็นทรัลสมุย-บาดเจ็บ 7 คน

คาร์บอมเซ็นทรัลสมุย-บาดเจ็บ 7 คน

คาร์บอมเซ็นทรัลสมุย ล่าสุดมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 7 คน ด้าน ตำรวจ ระบุรถที่ก่อเหตุถูกปล้นมาจาก จ.ยะลา คาดข่มขู่สร้างสถานการณ์

พันตำรวจเอก ชัยยันต์ บัณฑิต หัวหน้าพนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิ สภ.บ่อผุด จ.สุราษฎร์ธานี เปิดเผยถึงกรณีคนร้ายลอบวางระเบิด บริเวณลานจอดรถชั้นใต้ดินของห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเฟสติวัลสมุย ถนนเลียบหาดเฉวง  อ.เกาะสมุย จ.สุราษฏร์ธานี ว่า เหตุดังกล่าวมีผู้ได้รับบาดเจ็บทั้งหมด 7คน ประกอบด้วย นายฤทธิชัย เทพแก้ว อายุ 33ปี / นางสาวสุดารัตน์ ดีเป็นแก้ว อายุ 32ปี/ นางสาวธิดารัตน์ ชูราช อายุ 40ปี / นายฉันติพันธ์ มี-นคร อายุ 22ปี / นางสาววริศรา กวาแก้ว อายุ 22ปี / นางสาวเสาวนีย์ จันทร์ทรัพย์ อายุ 33 ปี /และ มิส วาเลน ติน่า ดิเรโกริโอ อายุ 12 ปีชาวอิตาลี ( valen tina digregorio )โดยส่วนใหญ่ได้รับบาดเจ็บจากเศษแก้วและเป็นลม เจ้าหน้าที่จึงช่วยเหลือนำส่งโรงพยาบาลกรุงเทพสมุย / และโรงพยาบาล ไทยอินเตอร์เนชั่นแนล เพื่อรักษาอาการ

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุเบื้องต้น พบสาเหตุของการเกิดระเบิดมาจากรถ กระบะยกสูง 4 ประตู สีน้ำตาล ยี่ห้อมาสด้า ทะเบียนปลอม กย.5618 ชลบุรี  ซึ่งเป็นรถที่ถูกปล้นมาจาก อบต.ระแอ จ.ยะลา เมื่อวันที่ 31 มี.ค.ที่ผ่านมา  ส่วนทะเบียนจริง คือ กข 4892 ยะลา อย่างไรก็ตาม โชคดีที่ขณะเกิดเหตุเป็นช่วงที่ห้างกำลังจะปิด ประชาชนทยอยเดินทางกลับจึงทำให้ไม่มีผู้เสียชีวิต มีเพียงรถที่จอดอยู่บริเวณชั้นใต้ดินจำนวนหลายคันได้เสียหาย  และล่าสุดเจ้าหน้าที่ได้ทำการกั้นพื้นที่เกิดเหตุไม่ให้บุคคลภายนอกเข้าออก เพื่อป้องกันการเกิดเหตุซ้ำ และรอให้เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน พร้อมด้วยหน่วยเก็บกู้และพิสูจน์วัตถุระเบิด หรือ อีโอดี เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุอย่างละเอียดอีกครั้งในช่วงเช้าของวันนี้ 

ส่วนด้านสาเหตุเบื้องต้นสันนิษฐานว่า คนร้ายต้องการข่มขู่สร้างสถานการณ์เพื่อให้เกิดความหวั่นไหวทางเศรษฐกิจ รวมถึงเป็นวันครบรอบ 1 ปี ห้างสรรพสินค้าดังกล่าวด้วย

"สุวพันธ์ุ"ระบุยังไม่ชี้ชัดโยงการเมือง

นายสุวพันธ์ุ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสำนักข่าวกรองแห่งชาติ กล่าวถึงเหตุระเบิดบริเวณลานจอดรถห้างสรรพสินค้าเซนทรัลเฟสติวัล เกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ว่า ขณะนี้ไม่สามารถชี้ชัดว่า เกี่ยวข้องกับการเมืองหรือไม่ เพราะจะต้องรอให้เจ้าหน้าที่มีการสอบสวนสืบเสียก่อน เนื่องจากจำเป็นต้องพิจารณาจากข้อมูลประกอบ เช่น ชนิดของระเบิด การประกอบ สภาพแวดล้อมต่างๆ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม การมีรายงานเบาะแสคนร้ายแล้ว แต่ก็ต้องรอข้อมูลประกอบดังกล่าวด้วย

ส่วนทางการข่าวมีการรายงานหรือประเมินสถานการณ์ก่อนเกิดเหตุหรือไม่นั้น นายสุวพันธ์ กล่าวว่า มีการประเมินให้มีการระมัดระวังในพื้นที่ที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยว แต่ไม่มีการรายงานที่เป็นจุดเฉพาะเจาะจง ส่วนจะมีการติดตาม และเฝ้าสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง และมีคำสั่งถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ให้หยุดงาน รวมทั้งในส่วนสำนักงานข่าวกรองด้วย ขณะเดียวกันเมื่อวันที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ก็ได้มีการประชุมร่วมระหว่างฝ่ายความมั่นคง และหน่วยงานด้านการข่าว เพื่อประเมินสถานการณ์ในช่วงเทศกาลสงกรานต์แล้ว หลังจากนี้จึงต้องทำงานอย่างเข้มงวดต่อไป

กปปส.จี้ความมั่นคงดำเนินคดีเหตุคาร์บอมบ์

นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ โฆษกคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) กล่าวถึงเหตุคาร์บอมบ์ที่ห้างเซ็นทรัล สาขาเกาะสมุยและเพลิงไหม้คลังสินค้าสหกรณ์สุราษฎร์ธานี จำกัด (โคออป) จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งฝ่ายความมั่นคงประเมินว่าเป็นการย้ายระเบิด 100 จุดจากกรุงเทพมหานคร มาไว้ตามแหล่งท่องเที่ยวและจังหวัดที่เป็นท่องน้ำเลี้ยงกปปส.ว่า กรณีของโคออปยังต้องรอการพิสูจน์ว่าสาเหตุเพลิงไหม้เกิดจากอะไร ส่วนห้างเซ็นทรัล สาขาเกาะสมุยเป็นคาร์บอมบ์แน่นนอนแต่จะเกี่ยวข้องกับการเมืองหรือไม่นั้นเป็นเรื่องที่ฝ่ายความมั่นคงต้องหาหลักฐานและพิสูจน์ความผิด อย่างไรก็ตาม ขอตั้งข้อสังเกตว่าที่ผ่านมาเห็นได้ชัดว่ามีขบวนการแอบอ้างประชาธิปไตยแต่แฝงได้ด้วยขบวนการล้มเจ้า แบ่งแยกดินแดน และนิยมใช้ความรุนแรง ก่อสถานการณ์ต่างๆมานานแล้ว โดยมีการวางระเบิดหลายแห่งตั้งแต่ปี 53 ซึ่งมีทั้งการวางระเบิดสร้างสถานการณ์ ทำร้ายเจ้าหน้าที่ของรัฐ ต่อเนื่องมาจนถึงปี 57 ตอนที่กลุ่มผู้ชุมนุมออกมาเคลื่อนไหวก็มีการประทุษร้ายผู้ชุมนุมและบุคคลสำคัญหลายคน โดยผู้ที่ตกเป้าหมายเป็นคนที่ฝั่งตรงข้ามกับขบวนการเหล่านี้ จึงอยากให้ฝ่ายความมั่นคงใช้ความเด็ดขาดกับผู้ต้องหาที่กระทำความผิด

ผู้สื่อข่าวถามว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นการท้าทายอำนาจ ตามมาตรา44 หรือไม่ นายเอกนัฎ กล่าวว่า ตอนนี้ยังพิสูจน์ไม่ได้ว่าสาเหตุเกิดจากอะไร จนกว่าจะพบพยานหลักฐานซึ่งนำไปสู่การจับกุมคนร้าย หากเป็นการกระทำเพื่อท้าทายอำนาจรัฐก็ไม่ช่วยให้บรรลุเป้าหมาย เพราะวันนี้ประชาชนส่วนใหญ่เข้าใจสถานการณ์ว่า ทำไมรัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จึงยังประกาศควบคุมตามมาตรา 44 หลังพบความพบยายามที่จะก่อสถานการณ์และใช้ความรุนแรง ตั้งแต่เหตุระเบิดที่ห้างสยามพารากอน ศาลอาญา และเหตุการณครั้งนี้ซึ่งเป็นครั้งที่ 3 จึงอยากให้เลิกอ้างประชาธิปไตยที่จบลงด้วยความรุนแรง เพราะทำต่อไปก็ไม่สามารถบรรลุเป้าหมายได้ เนื่องจากประชาชนส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย