SAPPE - ซื้อ

SAPPE - ซื้อ

แบรนด์ไทยผงาดตลาดโลก

ฟังก์ชั่นนัลดริ้งก์สำหรับผู้หญิงยอดขายอันดับหนึ่ง

SAPPE เป็นผู้นำการสร้างสรรค์เครื่องดื่มรูปแบบใหม่ ที่ผ่านมาตราสินค้าได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้า โดยในประเทศเน้นเจาะตลาดเครื่องดื่มความงามสำหรับผู้หญิงภายใต้แบรนด์ “เซปเป้ บิวติ ดริ้งก์” จนมีส่วนแบ่งตลาดอันดับหนึ่ง ในขณะที่ตลาดต่างประเทศจับตลาดน้ำผลไม้ผสมวุ้นมะพร้าว “โมกุ โมกุ” เป็นแบรนด์หลักซึ่งเรามองว่ามีความแข็งแกร่งจากยอดขายที่เป็นอันดับต้นๆ ของตลาดหลักในประเทศแถบเอเชีย สำหรับปีนี้ SAPPE จะใช้กลยุทธ์ด้านตลาดมากขึ้น โดยเฉพาะประเทศที่เป็นแหล่งรายได้หลักเพื่อกระตุ้นยอดขายและตอกย้ำภาพลักษณ์แบรนด์ ในขณะที่ตลาดในประเทศจะหนุนการเติบโตด้วยการออกผลิตภัณฑ์ใหม่มากขึ้น

ขยายตลาดกระจายความเสี่ยง

เรามองการแข่งขันมีแนวโน้มสูงขึ้นในต่างประเทศ โดยเฉพาะอินโดนีเซียซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศฐานรายได้ของ SAPPE เนื่องจากผู้ประกอบการรายอื่นเห็นศักยภาพการเติบโตและเริ่มเข้ามาทำตลาด อย่างไรก็ตามเราเชื่อว่า SAPPE จะยังครองความได้เปรียบจากแบรนด์เริ่มติดตลาดแล้ว เราชอบ SAPPE ที่ปัจจุบันมีตลาดมากกว่า 60 ประเทศทั่วโลก และมีแผนขยายตลาดอื่นๆ เพิ่มเติม (ล่าสุดตั้งบริษัทร่วมทุนในจีน) เพื่อสร้างการเติบโตของรายได้ในระยะยาว รวมถึงลดการพึ่งแหล่งรายได้จากตลาดใดตลาดหนึ่งมากเกินไป โดยเราคาดรายได้ 3 ปีข้างหน้าเติบโตเฉลี่ย 18% เป็น 4.6 พันล้านบาท ในปี 2560 ต่ำกว่าเป้าหมายผู้บริหารที่ 5.0 พันล้านบาท

รักษาความสามารถทำกำไรได้ดี

จากแนวโน้มการเติบโตของตลาดต่างประเทศ SAPPE จะขยายกำลังการผลิตเครื่องดื่มเป็น 1.3 แสนตันต่อปี (เพิ่มขึ้น 30%) ในช่วง 3Q58 โดยเราเชื่อจะมีการย้ายโรงงานผลิตมาอยู่ที่โรงงานคลอง 13 ทั้งหมด ทำให้ SAPPE จะบริหารค่าใช้จ่ายได้ดีขึ้น รวมถึงโรงงานใหม่มีเทคโนโลยีการผลิตทันสมัย ทำให้ประหยัดแรงงานและต้นทุนวัตถุดิบได้มาก นอกจากนี้ด้านกำลังการผลิตเพียงพอรองรับยอดขาย จึงคาดว่าสามารถคงสัดส่วนการจ้างผลิตภายนอกให้อยู่ในระดับต่ำกว่า 10% และรักษาระดับอัตรากำไรสุทธิ 13% ใน 3 ปีข้างหน้า

การเติบโตยังอยู่ในระดับที่น่าสนใจ

ผลประกอบการ 3 ปีข้างหน้า เราคาดเติบโตเฉลี่ย 19% ต่อปี จากการขยายตัวของรายได้ส่งออก ทั้งจากการขยายตลาดใหม่และมุมมองของเราต่อเงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่าจะเป็นโอกาสที่ดีสำหรับ SAPPE เราประเมินมูลค่าเหมาะสมปี 2558 เท่ากับ 36.90 บาท (ด้วยวิธี DCF, WACC 8.1% และ Terminal growth 3%) และแนะนำ “ซื้อ” ระยะสั้นมีประเด็นบวกจากกำไร 1Q58 คาดจะกลับมาเติบโต QoQ สำหรับผลประกอบการระยะยาวจะได้รับประโยชน์จากการควบคุมต้นทุน และฐานะการเงินมีโอกาสเป็น Net cash ในปีนี้