'ประยุทธ์'กลับลำ แจงเลือกตั้งปลายปีพูดเร็วไป

'ประยุทธ์'กลับลำ แจงเลือกตั้งปลายปีพูดเร็วไป

"พล.อ.ประยุทธ์"แจงที่พูดเลือกตั้งปลายปี เพราะพูดเร็วไป แจงยังไม่ปรับครม. ฉุนสื่อเตือนจากนี้ไปจะเข้าไปตรวจสอบ หากสื่อใดสร้างความแตกแยก

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ให้สัมภาษณ์ก่อนเดินทางเยือนบรูไนโดยในวันเดียวกันนี้นายกรัฐมนตรีมีสีหน้าเคร่งเครียดและแสดงอารมณ์โกรธและโมโหตลอดระยะเวลาการให้สัมภาษณ์รวมทั้งได้มีการเตรียมหนังสือพิมพ์และเอกสารเพื่อชี้แจงกับผู้สื่อข่าวโดยเฉพาะ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่พล.อ.ประยุทธ์ มีอารมณ์ฉุนเฉียวรุนแรงถึงขนาดบางช่วงเสียงสั่น และมีการโยนเอกสารใส่ผู้สื่อข่าว โดยการให้สัมภาษณ์วันนี้ใช้เวลาทั้งสิ้นรวม 23 นาที

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวชี้แจงกรณีที่พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม และหม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี เข้าพบและหารือเมื่อบ่ายวันที่ 24 มี.ค.ที่ผ่านมาว่า ไม่มีการพูดคุยในเรื่องปัญหาความขัดแย้งอะไร “เป็นการปรึกษาเรื่องการงาน ทำไมจะทะเลาะอะไรกันหนักหนา ทำไมอยากให้ทะเลาะกันหรือไง เห็นสื่อเขียนกันเหลือเกินว่าไอ้โน่นทะเลาะกับไอ้นี่ ถ้าจะทะเลาะมีผมทะเลาะได้อยู่คนเดียวถ้าใครบกพร่องผมก็ตำหนิเขา แต่ถ้าทำดีผมก็ต้องชมและก็เรียกมาหารือกัน มันก็แค่นั้น จะมีอะไรมากไปกว่านี้วะ อยากจะรู้นัก” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า แต่มีการไปพูดโยงถึงเรื่องการทำงานและการปรับครม. โดยเฉพาะทีมเศรษฐกิจ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวตอบอย่างเสียงดังว่า มีแต่พวกคุณพูดกันทั้งนั้นว่าจะมีการปรับ ครม. ถ้าปรับแล้วมันดีขึ้น เออ มันก็ใช่ แต่ถามว่าสถานการณ์ขณะนี้การปรับคนจะทำให้แก้ปัญหาได้หรือไม่ อยากให้ตอบ สมมติว่าหนังสือพิมพ์ของพวกคุณ ถ้าจะให้ขายดีต้องให้ไอ้นักข่าวคนนี้ออกไป บรรณาธิการคนนี้ก็ต้องออก แล้วมันจะดีขึ้นไหม มันไม่ได้แก้ปัญหาง่ายขนาดนั้น ประเทศชาติมีคนเกือบ 70 ล้านคน มีปัญหาร้อยกว่าเรื่องจนถึงวันนี้ขึ้นเป็นพันกว่าเรื่อง แทนที่จะมาช่วยกันเพราะวันนี้เป็นโอกาสดีที่รัฐบาลชุดนี้เข้ามาแบบนี้ ไปรวมพลังคนมาให้ได้มาช่วยกันแก้ปัญหา รวมกันทุกพวกไม่ใช่ตีให้แตกไปทุกเรื่อง เหมือนรัฐบาลปกติ มันไม่เข้าใจกันหรืออย่างไร

"เสรีภาพให้ก็ให้แล้ว ทุกอย่างไม่เคยห้ามอะไรเลย ไม่มีใครเขาให้แบบนี้หรอก เดี๋ยวผมจะดูอีกระยะหนึ่งนะสำหรับการทำงานของสื่อ ที่ผมและรัฐบาลทำมาทั้งหมดก็เพื่อคนไทยทุกคน แต่พอจะมีกลไกอะไรต่างๆ ออกมาก็ไม่ยอมกันจะกลับไปยืนที่เก่า สื่อก็คล้อยตามกันไปเรื่อย ยิ่งทำให้สังคมแตกแยก แล้วผมจะได้อะไรขึ้นมากับสิ่งที่ผมทำ ผมไม่ใช่การเมือง ผมไม่ได้ผลประโยชน์ ผมไม่มีธุรกิจ ที่พูดไม่ได้มาทวงบุญคุณอะไร ทั้งหมดผมทำให้คนไทย ถ้าใครมันไม่เข้าใจ มันก็ไม่ใช่คนเท่านั้น สื่อต้องช่วยกัน ต่อจากนี้ผมจะดูทุกสื่อและถ้าจำเป็นผมก็จะใช้อำนาจของผมทุกคน ไม่ได้ ไม่ให้มาวิจารณ์ วิจารณ์ได้แต่ต้องเข้าใจเสียหน่อย วันนี้คำสั่ง คสช.มีอยู่แล้วไม่ใช่หรือ หรือลืมกันไปหมดแล้ว ลืมหรืออย่างไร สบายกันเกินไปแล้วมั้ง"

ผู้สื่อข่าวถามว่า หมายความว่า ถ้าสื่อเสนอข่าวลักษณะที่ทำให้แตกแยกจะพิจารณาใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอย่างมีอารมณ์ว่า “สื่อใดที่เสนอข่าวสร้างความแตกแยกก็จะให้ทางสมาคมดำเนินการสอบมาแล้วถ้าสมาคมไม่ได้เรื่อง ผมก็จะให้คณะข้างบนเขาสอบต่อ เอามาตีดูสิว่าไอ้นี่มันสร้างความแตกแยกหรือไม่ ถ้าวิจารณ์ทั่วๆ ไป ผมไม่ว่า ติติงนิดหน่อยผมก็รับได้นะ แต่ถ้าพูดทุกวันว่าล้มเหลว มันจะล้มเหลวได้อย่างไรวะ ก็ของเก่ามันยิ่งกว่าล้มเหลวอีก เมื่อเราเข้ามาแก้ จากความล้มเหลวเดี๋ยวมันก็ดีขึ้น คิดแบบนี้กันบ้างสิ”

เมื่อถามว่า จะถึงขั้นปิดสื่อเลยหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า อย่ามาหาเรื่องให้ตนต้องไปรบกับสื่อเลย 

เมื่อถามย้ำว่า บทลงโทษคืออะไร พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวทันทีว่า "ประหารชีวิตมั้ง ถามส่งเดชไปได้ ก็อย่าทำกันสิ ระมัดระวังกันหน่อย สื่อต้องมีวิจารณญาณ มีจรรยาบรรณกันหน่อย เห็นเรียกร้องอยากได้จรรยาบรรณกันหนักหนา ให้ไปแล้วก็ใช้ไม่เป็น ไม่รู้จักใช้ อะไรที่เป็นความร่วมมือเพื่อทำให้ประชาชนก็ต่องมาร่วมมือกัน อะไรที่เป็นความขัดแย้งก็ต้องพอๆ เพราะเห็นว่ารัฐบาลเขากำลังทำงานอยู่ แต่ทุกวันนี้ไม่เคยเห็นสักฉบับไม่มีเลย มีน้อยมากหรือมีแค่บางคนเท่านั้น ผมไม่ได้ขอให้เชียร์"

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การให้สัมภาษณ์มาถึงจุดดังกล่าวพล.อ.ประยุทธ์ ก็มีอารมณ์ฉุนเฉียวมากขึ้น ผู้สื่อข่าวพยายามที่จะสร้างบรรยากาศ โดยขอให้นายกรัฐมนตรีรีบเดินทางขึ้นเครื่องบินเพื่อให้ทันตามกำหนดการเยือนบรูไน แต่พล.อ.ประยุทธ์ก็ยังคงติดพันและกล่าวกับผู้สื่อข่าวต่อ ทั้งนี้เมื่อผู้สื่อข่าวกล่าวว่าไม่มีคำถามจะถามแล้ว เกรงจะถูกคำสั่งประหาร พล.อ.ประยุทธ์ จึงกล่าวว่า “ใช้เครื่องประหารหัวสุนัขเลย เดี๋ยวจะจัดการกับสื่อสักหน่อย รักกันอยู่แล้ว ขอร้องให้ช่วยกันหน่อย ไม่ใช่ให้มาแก้ตัวให้ผม แต่ขอให้ช่วยกันสร้างความรัก ความสามัคคี ไหนๆ เราก็มาถึงจุดนี้แล้ว เอาวิกฤตให้เป็นโอกาส ในการเปลี่ยนแปลงไม่ใช่ทำวิกฤตให้เป็นวิกฤต”

เมื่อถามว่าทำไมนายกฯ ไม่มองว่าคำวิจารณ์ต่างๆ เป็นความเห็นและการเสนอแนะ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ก็ไปดูคำวิจารณ์ของพวกสื่อสิ เป็นทางบวกหรือ ถามว่าชาติศาสนา พระมหากษัตริย์ พล.อ.ประยุทธ์ จะทำได้หรือไม่ ก็เข้ามาวันนี้ก็เพื่อสิ่งเหล่านี้ จะถามทำไม สร้างสรรค์ตรงไหนวะ ปัดโธ่”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อพล.อ.ประยุทธ์ พูดมาถึงจุดนี้ได้หันไปสั่งให้ ทส.คนสนิทไปหยิบหนังสือพิมพ์ในรถมา โดยกล่าวว่า "เอามากันสักที แล้วช่วยกันตัดสินดูสิว่า ไอ้นี่มันเขียนดีหรือไม่ เดี๋ยวฉันจะบอกว่าไม่ต้องไปซื้อ ตกงานกันให้หมด"

ทั้งนี้เมื่อผู้สื่อข่าวได้บอกนายกฯ ว่าไม่มีคำถามแล้ว และถ้าช้าไปกว่านี้อาจจะทำให้กำหนดการเยือนบรูไนคลาดเคลื่อน 

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "ถ้าฉันไปถึงช้า ฉันจะบอกสมเด็จพระราชาธิบดีว่าพวกเธอ วันนี้ไม่ได้โกรธแต่อารมณ์ไม่ดี"

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังการให้สัมภาษณ์จบ ทส.คนสนิทได้หยิบหนังสือพิมพ์ มติชน และเอเอสทีวีผู้จัดการ มาให้พล.อ.ประยุทธ์ ตามคำสั่ง ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ได้หันไปชี้ พร้อมระบุว่า มีหลายฉบับมาก พร้อมหันมาถามกลุ่มผู้สื่อข่าวว่า “ไหนเครือมติชนอยู่ไหน ไปดู เขียนให้ดี อย่าเขียนให้มันเข้าข้างฝ่ายโน้นให้มากนักนะ ผมจะบอกให้ รัฐบาลที่แล้ว มติชนน่ะ ขายกระทรวงมหาดไทยทั้งหมด คุณไปรื้อดู กระทรวงมหาดไทยสั่งให้ซื้อเฉพาะมติชน ทำให้ฉบับอื่นขายกันไม่ออก”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อพล.อ.ประยุทธ์พูดจบก็หันหลังเพื่อเดินไปยังห้องรับรองเพื่อไปเยือนบรูไนอย่างเป็นทางการ นายกฯกล่าวอีกว่า วันนี้ขอร้องสื่อมวลชนว่าในเรื่องคดีการเมืองต่างๆ ที่เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมขอให้เป็นไปตามกลไก อย่าไปยุ่งกับมันมากนัก 

"อะไรกันนักหนา ผมไม่เข้าใจ จะต้องเมื่อนี่ เมื่อนั่น โดยเฉพาะของผู้จัดการเปิดอ่านดูไม่ได้สักหน้าหนึ่ง เป็นบ้ากันไปหรืออย่างไร เขียนอะไรไม่รู้กันทุกวัน จะเอาอะไรกันหนักหนา เก่งหนักหนา มึงมาบริหารงานมา มาเป็น ส.ส.เลย ไอ้ชัชวาล ไอ้โสภณ(คอลัมน์นิสต์ นสพ.ผู้จัดการ) พวกนี้ รัฐบาลนี้พูดจาแบบนี้จะว่าผมก็ว่ามา ยังไงก็รับอยู่แล้ว แต่ผมเป็นมนุษย์ ไม่ใช่เป็นนายกฯ ที่ไม่ใช่มนุษย์ก็มีจิตใจ มีชีวิตและจิตใจ"

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การพิจารณาคดีทางการเมือง อย่าไปสนใจให้เขาเดินหน้าไปตามกระบวนยุติธรรม อย่าไปวิพากษ์วิจารณ์กันนัก เพราะเขาทำงานไม่ง่าย ถ้าเรามัวแต่คล้อยตามไปมาแบบนี้ ศาลก็ลำบากวันนี้ฝ่ายต่อต้านกระบวนการยุติธรรม ถามว่ายอมรับความผิดอะไรบ้างหรือยัง สักอย่าง ยังไม่มีเลย และตนก็ไม่ได้บอกว่าเขาผิด เขาเป็นเพียงผู้ต้องหาก็ไปสู้คดีกัน แต่ขอร้องว่าอย่ามาสู้นอกศาล สื่อก็ไปขยายความกันเรื่อยเปื่อย เวลาศาลตัดสินว่าไม่ผิด ทำไมไม่โวยแต่พอผิดก็ออกมาโวยว่าไม่เป็นธรรม ส่วนความผิดอื่นๆ ที่มีการยกฟ้องกลับไม่พูดถึง อย่างนี้มันใช้ได้ที่ไหน คนเหล่านี้ใช้ได้หรือไม่ก็ต้องคิดดู

เมื่อถามว่า คดีที่พูดถึงหมายถึงคดีอะไร และเกี่ยวข้องกับใคร พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอย่างโมโหว่า สื่อก็รู้อยู่จะมาถามอีกทำไม มันก็คือคดีการเมือง ก็รู้อยู่แล้ว

ผู้สื่อข่าวถามถึงการเลื่อนการแถลงผลงานรอบ 6 เดือน จากวันที่ 10 เม.ย.เป็นวันที่ 17 เม.ย. เนื่องจากเกรงว่าเป็นวันหยุดยาวจะไม่มีคนฟัง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวย้อนถามว่า แล้วจะทำไม ก็ขนาดตนพูดธรรมดายังไม่ฟังกันเลย ก็ต้องหาเวลาที่ทุกคนฟัง โดยเฉพาะสื่อ เพราะที่พูดทุกวันนี้ก็ยังไม่มีใครฟัง ถ้าไปพูดวันหยุดแล้วใครจะฟัง ดังนั้นการเลื่อนวันแถลงก็เป็นเรื่องของตน ก็จะแถลงในวันนี้จะมาบังคับอะไรหนักหนา และก็ได้สั่งการให้ทุกกระทรวงมีการชี้แจงผลงานมาตั้งนานแล้ว และแต่ละกระทรวงก็มีการดำเนินการมาเพียงแต่สื่อไม่ไปสนใจ มาสนใจที่ตนอย่างเดียว

ส่วนกรณีที่นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีตแกนนำคนเสื้อแดง ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ว่าเหตุระเบิดหลายครั้งที่เกิดขึ้นขณะนี้เป็นเรื่องที่รัฐบาลสร้างสถานการณ์ขึ้นมาเองว่า “ก็มันโง่ไง แล้วพวกเธอไปโง่ตามเขาหรือเปล่า รัฐบาลและผมจะทำไปเพื่ออะไร คิดดูสิด้วยความเป็นมนุษย์ ฉันมาฉันไม่ต้องการให้เกิดเรื่องแบบนั้นแล้วฉันจะมาทำเองทำไม เพื่อที่ฉันอยากจะอยู่อย่างนั้นหรือ”

เมื่อถามว่า การออกมาพูดเช่นนี้จะมีการห้ามปรามอะไรหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่สนใจ เมื่อถามต่อว่า จะเรียกมาปรับทัศนคติอีกครั้งหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ไม่สนใจเรียกมาแล้วหลายครั้ง แล้วพอเรียกมาจะอย่างไร พอไม่ปล่อยก็หาว่าละเมิดสิทธิมนุษยชนก็แค่นี้ เฮงซวยพวกนี้”

ผู้สื่อข่าวถามถึงความชัดเจนกรณีที่เคยพูดถึงการเลือกตั้งปลายปีนี้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เรื่องที่พูดว่าปลายปีนั้นตนพูดเร็วความจริงตนพูดมาหลายครั้งว่ารัฐธรรมนูญจะออกปลายปี นั่นคือการเริ่มกระบวนการเลือกตั้ง ตนพูดรวบไปหน่อย แต่ไม่เข้าใจว่ามันจะอะไรกันหนักหนา เรื่องการเลือกตั้ง จะเป็นจะตายกันหรืออย่างไร เป็นการแสดงออกถึงความเป็นประชาธิปไตย แต่ก็จะกลับไปเป็นแบบเดิม หรือใครคิดว่าไม่ใช่รัฐธรรมนูญจะออกได้ไหมก็ต้องไปรอดูกัน

"ผมบอกแล้ว ผมไม่ท้อแท้ ไม่มี มีแต่โมโหมากขึ้นและผมบอกเลย ผมสู้ทุกอย่าง อย่ามาพูดอะไรให้ผมท้อแท้ ผมไม่มีท้อแท้ ยังมีคนไทยอีกเยอะแยะ อีก 60 กว่าล้าน และถ้าผมเป็นคนท้อง่าย ผมไม่เข้ามาหรอก ยิ่งเป็นอย่างนี้ ฉันยิ่งอยู่นานและก็ไม่ได้ฮึกเหิมอะไร ผมก็เป็นของผมอย่างนี้อยู่แล้ว ฉันพยายามสงบอยู่แล้ว

เมื่อถามว่าเท่าที่ดูคิดว่ารัฐธรรมนูญจะผ่านหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่รู้