รถจีนรุกคืบเจาะตลาด'อีวี'เล็งกลุ่มลูกค้าองค์กร

อย่างเป็นทางการเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเบื้องต้นนำเข้ามาทำตลาด 2 รุ่น คือ รถยนต์นั่ง อี 6 ราคาประมาณ 3 ล้านบาท และรถโดยสาร เค 9 ราคาประมาณ 12 ล้านบาท 

"เป็นที่รู้กันว่ารถไฟฟ้านั้นจะมีต้นทุนที่สูงกว่ารถทั่วไปประมาณ 2 เท่า แต่สิ่งที่จะได้มา ก็คือ อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่ประหยัดกว่าการใช้น้ำมัน 3 เท่า และค่าบำรุงรักษาที่ถูกกว่า 10%"  โกศล สุรโกมล ที่ปรึกษา ล็อกซเล่ย์ กล่าว
ดังนั้นตลาดเป้าหมายหลักของรถกลุ่มนี้ คือกลุ่มลูกค้าองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชนที่ใช้งานรถในระยะทางที่มาก เช่น รถโดยสาร รถทัวร์ รถตำรวจ หรือแท็กซี่ เป็นต้น ซึ่งจะทำให้ถึงระยะเวลาคุ้มทุนที่เร็ว ซึ่งบริษัทมั่นใจว่าจะมีตลาดนี้อยู่ไม่น้อย รวมถึงล่าสุดการที่กระทรวงคมนาคมให้กรมการขนส่งทางบก ศึกษาแนวทางการใช้เชื้อเพลิงสำหรับรถองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ หรือ ขสมก, ว่าจะไปในแนวทางไหน ทั้ง ดีเซล ก๊าซธรรมชาติ และไฟฟ้า
โดยจะใช้เวลาศึกษา 1 สัปดาห์ จากนั้น จะส่งให้ขสมก. ตัดสินใจอีก 1 สัปดาห์ ซึ่งหากเลือกระบบไฟฟ้า ซึ่งบริษัทก็จับตาดูเรื่องนี้อยู่เช่นกัน
ทั้งนี้เบื้องต้นคาดว่าจะสามารถสร้างยอดจำหน่ายได้ประมาณ 400 คัน/ปี
สำหรับแนวทางการทำตลาด ช่วงแรกจะเป็นการนำเข้าสำเร็จรูป (CBU) จากจีน โดยในไทยจะเน้นการพัฒนาด้านอื่นๆรองรับ เช่น การบริการ โดยช่วงแรกจะเน้นในรูปแบบเอาท์ซอร์ส ก่อนที่จะหาพันธมิตรลงทุนในพื้นที่กรุงเทพ และปริมณฑลต่อไป รวมถึงพัฒนาจุดชาร์จไฟ
และในส่วนของรถบัสโดยสาร มีแผนจะขึ้นสายการประกอบในประเทศ โดยคาดว่าจะใช้เวลาอีกประมาณ 7 เดือน โดยช่วงแรกจะใช้วิธีการว่าจ้างโรงงานในไทย ที่มีศักยภาพ และในอนาคต เมื่อยอดขายถึงจุดคุ้มทุนต่อการลงทุน ก็จะพิจารณาสร้างโรงงานเอง ซึ่งสำหรับโรงงานรถบัส จะใช้เงินลงทุนไม่สูงนัก ประมาณ 500 ล้านบาท
"ช่วงแรกจะใช้เอาท์ซอร์สประกอบไปก่อน แต่เมื่อตลาดขยายตัว หรือแผนการขยายงานรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ เออีซี จะพิจารณาเรื่องการลงทุนต่อไป ส่วนรถยนต์นั่งนั้นมีความซับซ้อนมากกว่า คงจะใช้วิธีนำเข้าไปก่อน" 
ปัจจุบันตลาดรถไฟฟ้าได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นทั่วโลก ขณะที่บีวายดี ก็ขยายตลาดไปมาก โดยปัจจุบันจำหน่ายใน 35 ประเทศ ทุกภูมิภาค เช่น อังกฤษ เนเธอร์แลนด์ เบลเยียม บราซิล อุรุกวัย ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น สิงคโปร์ มาเลเซีย เป็นต้น
ในส่วนของไทย เชื่อว่าอนาคตจะขยายตัวเพิ่มขึ้นเช่นกัน แต่ทั้งนี้ต้องการได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ เนื่องจากรถไฟฟ้ามีต้นทุนที่สูง โดยสิ่งที่อยากได้จากภาครัฐแบ่งเป็น 2 ส่วนคือ
ช่วงแรกที่ยังไม่มีการประกอบ อยากได้การสนับสนุนด้านภาษีนำเข้าให้ต่ำลง อีกส่วนหนึ่งคือ การกำหนดกฎเกณฑ์ด้านภาษีสำหรับรถที่จะประกอบในประเทศ ที่เอื้อต่อการลงทุน


บีวายดี เค 9 เป็นรถบัสโดยสารแบบชานต่ำ ความยาว 12 เมตร ตัวถังทำจากอะลูมิเนียม ช่วงล่างแบบถุงลม ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้ากระแสสลับ ให้กำลังสูงสุด 250 แรงม้า แบตเตอรี่ ลิเธียม ใช้เวลาในการประจุไฟฟ้าประมาณ 5 ชม. และสามารถใช้งานได้มากกว่า 250 กม. ต่อการประจุไฟ 1 ครั้ง และทำความเร็วได้สูงสุด 70 กม./ชม.
บีวายดี อี 6 เป็นรถยนต์นั่ง 5 ที่นั่ง ตัวถังยาว 4,560 มม. กว้าง 1,822 มม. และสูง 1,645 มม. ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้ากระแสสลับ ให้กำลัง 121 แรงม้า แบตเตอรี่ ลิเธียม ใช้เวลาประจุไฟฟ้า 2 ชม. ใช้งานได้ 300 กม.ต่อการประจุไฟ 1 ครั้ง ทำความเร็วได้สูงสุด 140 กม./กม.