“หน้าเหลือง” ยุคดิจิทัล พันธกิจเสริมเขี้ยวเล็บ SME

 “หน้าเหลือง” ยุคดิจิทัล พันธกิจเสริมเขี้ยวเล็บ SME

พวกเขาไม่ได้หายไปไหน แต่กำลังปรับตัวครั้งใหญ่เพื่อรับมือกับโลกดิจิทัล จับตาเกมรบ"ไทยแลนด์เยลโล่เพจเจส"บนพันธกิจเสริมเขี้ยวเล็บเอสเอ็มอีไทย

“เราต้องควบคุมต้นทุนการผลิตให้ดีที่สุด และพัฒนาธุรกิจจากฐานของสิ่งที่เรามี จุดแข็งที่เรามี”

นี่คือพันธกิจสำคัญของ “ชุติเดช ปริญฐิติภา” หลังเข้ามารับตำแหน่ง กรรมการผู้จัดการ บริษัท เทเลอินโฟ มีเดีย จำกัด (มหาชน) ได้ปีเศษๆ

พวกเขาคือ ผู้จัดทำไทยแลนด์เยลโล่เพจเจส ที่ผู้คนเรียกติดปากว่า “สมุดหน้าเหลือง” ซึ่งรวบรวมรายชื่อธุรกิจ สินค้า และบริการ แจกจ่ายไปตามบ้านเรือน บริษัท ห้างร้านต่างๆ เป็นสื่อโฆษณาแบบรายปี ที่เคยหอมหวานเอามากๆ ในอดีต ดูได้จากยุคเฟื่องฟูที่มีรายได้เฉพาะสื่อสิ่งพิมพ์ ก็หลักพันล้านบาทแล้ว!

ทว่าเมื่อเข้าสู่ยุคดอทคอม สื่อกระดาษถูกลดทอนความสำคัญลง ขณะที่ผู้คนก็หันมาใช้โทรศัพท์มือถือกันมากขึ้น ธุรกิจหน้าเหลืองจึงได้รับผลกระทบไปทั่วโลก เช่นเดียวกับในไทยที่รายได้หดหายจากหลักพันล้าน มาแตะที่หลักร้อยล้านบาทในวันนี้

“จุดแข็งของเรา ไม่ใช่โฆษณาอย่างเดียว แต่คือ ‘ฐานข้อมูลธุรกิจ’ ที่เรามีอยู่ในมือ และสะสมมาตลอด 30 ปี ขณะที่เรายังมี ‘คอนเนคชั่น’ ผู้ให้บริการเยลโล่เพจเจสอยู่ทั่วโลก นี่คือโอกาสที่จะทำธุรกิจใหม่จากฐานของสิ่งที่เรามี และปรับเปลี่ยนโมเดลไปไม่ใช่แค่การโฆษณา แต่จะให้บริการเพิ่มเติมและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับลูกค้าของเรา”

เขาวิเคราะห์จุดแข็งธุรกิจ ก่อนนำมาสู่การปรับบทบาทจากผู้ให้บริการเบอร์โทรศัพท์ มาเดินหน้าธุรกิจ B2B แบบเต็มตัว เริ่มจากต่อยอดเว็บไซต์ www.yellowpages.co.th จากแค่รวบรวมหมายเลขโทรศัพท์ข้อมูลสินค้า และบริการกว่า 6 ล้านเลขหมายทั่วประเทศ มาเป็นแหล่งรวบรวมข้อมูลสินค้าและธุรกิจทั่วไทย โดยมีแคตตาล็อกออนไลน์ให้ได้ชมสินค้า พร้อมแผนที่ออนไลน์ ให้ไปถึงแหล่งที่มาได้เพียงปลายนิ้วคลิก! สนองนี้ดผู้ประกอบการที่ไม่ต้องการลงทุนสร้างระบบขายออนไลน์ด้วยตัวเอง ขณะที่คนต้องการสินค้า ก็จะได้เข้ามาสืบค้นและซื้อขายกันได้ครบวงจรในที่เดียว

“การจะหาข้อมูลธุรกิจจากช่องทางอื่น อาจต้องใช้เวลาเยอะหน่อยกว่าจะเจอสิ่งที่ต้องการ แต่จุดแข็งของเรา คือ เราเป็นข้อมูลธุรกิจ แต่ถ้าจะมีแค่เบอร์โทรศัพท์ก็ดูไม่คุ้มกับคนโฆษณา ฉะนั้นจึงต้องให้ข้อมูลมากขึ้นกว่าเดิม เพื่อให้คนที่โฆษณากับเรา มีโอกาสโชว์สินค้ามากขึ้น เมื่อผู้ที่ต้องการซื้อสินค้าเข้ามา ได้เห็นรูป เห็นข้อมูล คำอธิบาย รู้ว่าต้องติดต่อได้ที่ไหน ก็จะเพิ่มโอกาสให้กับธุรกิจนั้น” เขาบอก

การเข้ามาอยู่ในชุมชนของหน้าเหลือง เหมือนเป็นแหล่งข้อมูลขนาดใหญ่ของคนทำธุรกิจ ที่มี “มีตัวตนอยู่จริง” จึงสร้างความน่าเชื่อถือให้กับการค้นหาข้อมูลบนโลกออนไลน์ ผู้ใช้สามารถเลือกสืบค้นสินค้าเฉพาะในพื้นตัวเองได้ เพื่อรับบริการได้สะดวก ขณะสินค้าเฉพาะกลุ่มหลายตัว ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะค้นหาได้จากออนไลน์ เช่น สินค้าอุตสาหกรรม

“สมมติมีคนสนใจปั้มลม ก็แค่เข้ามาในเว็บไซต์ของเรา ถ้าผู้ประกอบการรายไหนพร้อมก็อาจลิงค์ไปที่เว็บไซต์ของเขาให้จัดการเองได้เลย แต่ถ้าไม่พร้อม แค่ให้ข้อมูลเราไว้ ถ้ามีคนสนใจเราจะส่งต่อให้ หรือดูแลแทนในส่วนที่เขายังไม่พร้อมให้”

โมเดลที่ยังอยู่ระหว่างการพัฒนา และคาดว่าจะนำออกมาให้บริการได้ประมาณครึ่งปีหลังนี้ มีเป้าหมายเป็นกลุ่ม “เอสเอ็มอี” ฐานผู้ประกอบการขนาดใหญ่ของประเทศ

“บางรายเป็นโรงงานอยู่ในท้ายซอยลึกๆ ถามว่า จะมีโอกาสโฆษณาให้คนรู้จักแค่ไหน เขาไม่มีทุนมากมายที่จะทำด้วยซ้ำ แต่การที่เราเปิดตรงนี้ไว้ ก็เหมือนเปิดโอกาสให้เขาได้มีลูกค้ามากขึ้น ผมมองว่า เราเป็นตัวกลางที่จะช่วยให้เอสเอ็มอีประสบความสำเร็จ และเราต้องการเป็นผู้นำด้านผู้ให้บริการสำหรับเอสเอ็มอี” เขาบอกพันธกิจนับจากนี้

แต่ความจริงที่ยากจะปฏิเสธ คือ เอสเอ็มอีรายเล็ก "ไม่สนใจโฆษณา" โดยเฉพาะร้านห้องแถว เจ้าของคนเดียว ที่มีลูกค้าประจำอยู่แล้ว เพราะคิดว่า ไม่ทำ ธุรกิจก็ยังอยู่ได้

“อย่างร้านกระจกรถยนต์ห้องแถว โอกาสที่จะมีคนเข้ามาใช้บริการ ไม่บ่อยนักหรอก เพราะกระจกไม่ได้แตกทุกวัน แต่เขาจะมีโอกาสมากขึ้น กรณีที่คนมาจากพื้นที่อื่น แล้วดันมากระจกแตกแถวๆ นั้นพอดี แค่เซิร์สหาในเยลโล่เพจเจส แล้วพบว่า มีร้านนี้อยู่ใกล้ๆ ก็เข้ามาใช้บริการได้ นี่คือโอกาสที่เกิดขึ้น อยู่ที่ว่า เราจะวางตัวเองไว้ตรงไหนเท่านั้น” เขาบอก

รูปแบบการให้บริการนำเสนอเป็นแพคเก็จ ตั้งแต่ “ไซส์มินิ” สำหรับผู้ที่เริ่มทดลองใช้ ที่หลักพันบาท ไปจนไซส์เล็ก กลาง และใหญ่ ตั้งแต่ประมาณ 2 หมื่น- 7 หมื่นบาท โดยเอสเอ็มอีจะได้ช่องทางโฆษณาทั้งออนไลน์และสิ่งพิมพ์ในเครือเยลโล่เพจเจส ราคาแตกต่างกันไป ตามรูปแบบของหน้าตา จำนวนแคตตาล็อกออนไลน์ แบนเนอร์โฆษณาที่จะทำให้คนค้นหาได้ง่ายขึ้น และช่องทางการโฆษณาที่จะเพิ่มขึ้นตามระดับราคา

“ปีนี้เราจะสร้างแคตตาล็อกสินค้าให้มากที่สุด คนจะได้เข้ามาดูมากขึ้น คนที่โฆษณากับเราก็จะมีโอกาสเพิ่มช่องทางการขายได้มากขึ้น ขณะที่มองถึงอนาคต ถ้าเขาจะโกอินเตอร์ไปพร้อมกับเรา เนื่องจากต่อไปเราคงต้องคอนเน็คกับเยลโล่เพจเจสประเทศอื่นๆ ด้วย โดยเฉพาะภูมิภาคอาเซียน นี่จึงเป็นโอกาสที่จะช่วยให้เขาขยายธุรกิจไปในภูมิภาคนี้ได้ด้วย”

ยังมีความตั้งใจมากมายที่จะพัฒนาต่อไปในอนาคต ตั้งแต่การทำในระบบ 2 ภาษา รองรับการขยายไปในภูมิภาคอาเซียน การพัฒนาสู่ระบบอีคอมเมิร์สเต็มตัว ที่ทำให้เกิดการซื้อขายได้ทันทีผ่านหน้าเหลืองออนไลน์ พัฒนาแพลทฟอร์มให้ใช้งานง่ายกับทุกเครื่องมือที่ลูกค้ามี การเพิ่มสินค้าและบริการเฉพาะกลุ่มใหม่ๆ เช่น ค้นหาแม่บ้าน บริษัทกำจัดปลวก รักษาความปลอดภัย เหล่านี้เป็นต้น ซึ่งล้วนเป็นโอกาสของพวกเขาในอนาคต

เขาเชื่อว่า การมาถึงของช่องทางใหม่ จะทำให้ธุรกิจปีนี้ กลับมาโตได้อย่างน้อย 10-20%

ตลอดทศวรรษแห่งการปรับตัวของสมุดหน้าเหลืองประเทศไทย เกิดการเรียนรู้มากมายระหว่างทาง อย่างเช่น การตัดสินใจตัดทิ้งธุรกิจชอปปิ้งออนไลน์ “Xetamall” (ซีต้ามอลล์) หลังพบว่า เว็บขายของมีการแข่งขันสูง มีแต่เจ้าใหญ่ทุนหนาเข้ามาเล่นทั้งนั้น ทำไปก็แพ้ มีแต่จะขาดทุน บทเรียนที่ได้ ก็คือ ต้องตัดทิ้งสิ่งที่ไม่คิดว่าจะเป็นสงครามที่จะชนะ!

ขณะที่เหลือไว้แต่ในจุดแข็ง อย่าง หนังสือ “อร่อยทั่วไทย” เว็บไซต์ อร่อยดอทคอม (www.aroi.com) “Machine parts & Hardware tools” ข้อมูลเครื่องจักร อะไหล่ชิ้นส่วนประกอบ “Builder & Construction Guide” คู่มือซื้อขายเกี่ยวกับงานก่อสร้างครบวงจร และ “Factory supply Guide” แหล่งรวมสินค้าและบริการทางอุตสาหกรรม เหล่าแต้มต่อที่เขาเชื่อว่า จะทำให้ชนะในสนามรบ เพราะเป็นธุรกิจที่คนต้องใช้ และพวกเขามีฐานข้อมูลมากที่สุด

การทำธุรกิจให้ยั่งยืนเป็นโจทย์ใหญ่ในวันนี้ สำหรับหน้าเหลืองประเทศไทย เขาบอกว่า เชื่อว่าจะไม่หายสาบสูญไปไหน เพียงแต่การปรับเปลี่ยนตามเทคโนโลยีเป็นสิ่งจำเป็น ขณะที่ต้องมีธุรกิจอื่นเข้ามาเสริมจุดแข็งที่มีด้วย

“เราต้องตามเทรนด์ให้ทัน แต่ไม่ใช่แบบแฟชั่นวูบวาบนะ ต้องเป็นเทรนด์ระยะยาวด้วย ถ้าอนาคตทุกคนต้องไปดิจิทัลกันหมด สิ่งท้าทายก็คือ อะไรจะทำให้เราประสบความสำเร็จ ถ้าคุณเป็นแค่จุดเดียวบนหน้าจอมือถือ ไม่ง่ายนักที่ใครจะสังเกตเห็น ฉะนั้นเราต้องมีชื่อเสียงพอที่จะทำให้คนรู้จัก และต้องตอบโจทย์ลูกค้าให้ได้ นี่คือ สิ่งที่จะทำให้เราอยู่รอด”

เขาบอกเป้าหมาย ในวันที่ต้องเผชิญกับความท้าทายรอบด้าน เพื่อให้ธุรกิจไม่เพียงแค่อยู่รอด ทว่ายังเติบโตและทำกำไรได้ บนสนามที่เปลี่ยนไป ณ วันนี้

“”””””””””””””””””””””””””””””””””
Key to success
โอกาสธุรกิจ SME ที่หน้าเหลืองออนไลน์

๐ ไม่ต้องลงทุนสร้างระบบออนไลน์ของตัวเอง
๐ สินค้าเฉพาะกลุ่ม มีโอกาสเข้าถึงลูกค้าตัวจริง
๐ อยู่ไกลปืนเที่ยง ก็มีโอกาสเป็นที่รู้จักได้
๐ ลงทุนไม่สูง มีให้เลือกหลายระดับราคา
๐ มีระบบสนับสนุน ช่วยให้ทำธุรกิจได้ง่ายขึ้น
๐ รองรับทั้งผู้ใช้คอมพิวเตอร์และสมาร์ทโฟน
๐ มีโอกาสขยายไปในต่างประเทศ