ผู้ค้าติง ‘คอมมาร์ต’ ต้องเพิ่มความสำคัญแบรนด์-เทคโนฯ

ผู้ค้าติง ‘คอมมาร์ต’ ต้องเพิ่มความสำคัญแบรนด์-เทคโนฯ

สปอนเซอร์ใหญ่ถอนตัวสะเทือน “คอมมาร์ต” เหตุผู้จัดเปลี่ยนคอนเซปท์ไม่แจ้งล่วงหน้า คืนพื้นที่เน้นงานขายสร้างยอด

นายพรชัย จันทรศุภแสง ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจสื่อไอที บมจ.เออาร์ไอพี ผู้จัดงานคอมมาร์ต เผยว่า บริษัทยังเดินหน้าจัดงานคอมมาร์ตครั้งแรกของปี หลังสปอนเซอร์รายใหญ่คือ “เอไอเอส” ขอถอนตัวกระทันหัน โดยให้เหตุผลว่าผู้จัดงานมีการปรับเปลี่ยนแผนการดำเนินงาน เอไอเอสจึงขอแจ้งไม่เข้าร่วมการจัดงานในครั้งนี้


เบื้องต้นบริษัทได้ตัดสินใจปรับชื่องานเป็น “คอมมาร์ต ซัมเมอร์เซล” จากเดิมคือ เอไอเอส คอมมาร์ต ดิจิไลฟ์ 2015 แต่ยังคงกำหนดการเดิมคือ วันที่ 19-22 มี.ค.58 ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ซึ่งจะกลับมาเน้นงานขายสินค้าเหมือนทุกครั้งจากเดิมตั้งใจเพิ่มสัดส่วนโชว์นวัตกรรมมากขึ้น หรือลดพื้นที่โชว์เทคโนโลยีเหลือ 10% จากเดิมที่กำหนดไว้ราว 30%

นายพรชัยระบุว่า ผลกระทบแรกคือ งบสนับสนุนจากสปอนเซอร์หายไปส่วนหนึ่ง แต่ถือว่าไม่มากนัก เนื่องจากการจัดแสดงนวัตกรรมก็มีส่วนที่บริษัทต้องร่วมลงทุนด้วย ดังนั้นเมื่อลดพื้นที่ดังกล่าวลงก็ทำให้เหลือพื้นที่สำหรับการขายสินค้าเพิ่มขึ้น และก็มีผู้สนใจเข้ามาเช่าพื้นที่แทนแล้วบางส่วน

“ความสัมพันธ์เรากับเอไอเอสยังดีอยู่ เพียงแต่ครั้งนี้เป็นการชะลอความร่วมมือออกไป เพราะคุยกันไม่เคลียร์ แต่ส่วนที่จะแสดงนวัตกรรมก็ยังมีเราก็จัดเอง เอาสินค้าจากซีอีเอสมาโชว์ มีคอนเซปท์เทคโนโลยียุคหน้า เช่น สมาร์ทโฮม แวร์เอเบิล แต่ความอลังกาลก็จะเล็กลง ส่วนจะเห็นแบรนด์เอไอเอสในงานหรือไม่ ก็คงมาแบบผ่านตัวแทนขายเหมือนโอเปอเรเตอร์รายอื่นๆก่อน”

ด้านรายงานข่าวใกล้ชิดเผยว่า งบสนับสนุนที่หายไปครั้งนี้หลักหลายล้านบาท และคืนพื้นที่จัดงานที่เป็นส่วนของเอไอเอสราว 20% เหตุเพราะคอมมาร์ตไม่ให้ความสำคัญกับแบรนด์เอไอเอสเหมือนที่ตกลงไว้ ขณะที่ผู้ค้ารายอื่นๆ ก็เริ่มปรับพื้นที่การขายในคอมมาร์ตเล็กลง หรือครึ่งหนึ่งจากที่เคยจัด เนื่องจากยอดขายในงานลดลงซึ่งสาเหตุหนึ่งมาจากงานที่จัดตามหลังโมบาย เอ็กซ์โป ที่ผู้ค้าจำนวนหนึ่งใช้งบไปมากแล้วและทำยอดจากงานโมบายได้ดีกว่า

ด้านแหล่งข่าวผู้ค้าไอทีรายใหญ่ยังเผยว่า ปัญหาของงานแสดงไอทีปัจจุบัน โดยเฉพาะงาน “คอมมาร์ต” ควรเปลี่ยนรูปแบบในการจัดงานให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี โดยที่ผ่านมา ผู้ค้าไอทียังมองว่า งานแสดงสินค้าไอทีเป็นช่องทางสำคัญในการเข้าถึงผู้บริโภคในวงกว้าง และเป็นช่องทางคืนกำไรให้ลูกค้า เปิดโอกาสให้ผู้ค้านำสินค้ามาลดราคา ล้างสต็อก ซึ่งผู้บริโภคสามารถซื้อสินค้าในราคาไม่แพง ทั้งยังถือเป็นงานแสดงเทคโนโลยีใหม่ๆ ให้ผู้บริโภคได้อัพเดท ไม่จำเป็นต้องจัดงานถี่ แต่ให้เน้นคุณภาพของงานมากกว่าปริมาณ

รวมทั้งควรเพิ่มความสำคัญกับสินค้าแต่ละแบรนด์ และเทคโนโลยีใหม่ๆ มากกว่าจะเน้นการขายพื้นที่ี และเพิ่มราคาขึ้นเรื่อยๆเหมือนที่เป็นอยู่ในขณะนี้

“ปัญหาของงานคอมมาร์ตที่ผ่านมา จะเน้นโปรโมทให้คนเข้ามาเดินในงานมากกว่าที่จะบอกว่าในงานนี้จะจัดแสดงเทคโนโลยีใหม่ๆ อะไรบ้าง ที่สำคัญตลาดไอทีปัจจุบันไม่ใช่ยุคของพีซีที่จะเข้ามาครองพื้นที่ภายในงานอีกแล้ว สินค้าที่กินพื้นที่งานหลักๆ จะเริ่มเป็นสมาร์ทโฟนแกดเจ็ทต่างๆ ซึ่งผู้ค้าไอทีก็ปรับตัวหันไปหาอุปกรณ์เหล่านี้มากขึ้น และส่วนใหญ่ก็ได้ไปออกงาน โมบาย เอ็กซ์โป ที่จัดก่อนหน้าคอมมาร์ต ทำให้เมื่อผู้ค้ามาออกซ้ำในงานคอมมาร์ตอีกรอบ ยอดขายก็ไม่เป็นไปตามเป้า เพราะกำลังซื้อถูกเทไปที่งานโมบายฯหมดแล้ว ขณะที่ งานคอมมาร์ตเองระยะหลังก็ไม่มีคอนเซปต์ในการจัดงานที่แน่ชัด ทำให้ยอดขาย รวมถึงการให้ความสนใจของผู้บริโภคไม่คึกคักเท่าที่ควร”

แหล่งข่าวกล่าวด้วยว่า การจัดงานนิทรรศการไอทีที่ถี่มากเกินไป ผู้ค้าเองอาจลำบากใจในการเข้าร่วมด้วยสภาพเศรษฐกิจ การลดงบประมาณต่างๆ ซึ่งทำให้ผู้ค้าบางรายก็หันมาจัดงานของตัวเอง คืนกำไรให้ลูกค้า สามารถทำยอดขายได้ดีกว่าในงานคอมมาร์ต