Minibar Cafe

Minibar Cafe

อาหารไทยสูตรเด็ดประจำตระกูลจากครัวบ้านเพื่อนสนิทของหุ้นส่วนร้าน และ European comfort food

ใครเป็นแฟนรสชาติอาหารร้าน Minibar Royale ในซอยประสานมิตร(สุขุมวิท 23) ซึ่งเปิดมาหกปี แต่กลับไปแล้วหาร้านไม่เจอ ตอนนี้ร้านได้เปลี่ยนชื่อใหม่แล้วเป็น Minibar Cafe (มินิบาร์ คาเฟ่) พร้อมปรับแต่งคอนเซปต์อาหารให้ชวนชิมยิ่งขึ้น เพื่อให้เกิดความแปลกใหม่ เหมาะกับสถานที่ตั้งแห่งใหม่ที่...เซ็นทรัล เอ็มบาสซี

มินิบาร์ คาเฟ่ ยังคงบรรยากาศของร้านอาหารฝรั่งเศสในนิวยอร์ก น่านั่งเหมือนเดิม แต่ออกแบบให้ดูโก้ขึ้น จะนัดสังสรรค์แบบเพื่อนสนิทหรือรับรองธุรกิจได้สบายมาก อาหารยอดนิยมจากเมนูเดิมยังตามมาบริการครบ และเพิ่มเมนูใหม่บนคอนเซปต์อาหารยุโรปที่รับประทานได้ง่ายๆ กินแล้วรู้สึกดี คุ้นลิ้น(European comfort food) และ 'อาหารไทย' แต่ก็เป็นอาหารไทยที่ไม่ธรรมดา เพราะเป็นอาหารไทยจานโปรด สูตรเด็ดประจำตระกูลจากครัวบ้านเพื่อนสนิทของหุ้นส่วนร้านแต่ละคน บ้างก็ทวิสต์กับวัตถุดิบและวิธีปรุงแบบอาหารตะวันตก

"คนไทยกินอาหารยุโรปไม่ได้ทุกวัน เราก็เลยเพิ่มเมนูใหม่ๆ เป็นอาหารไทยของหุ้นส่วนร้าน 10 คน เป็นอาหารจานโปรดที่บ้านของแต่ละคน ซึ่งกินมาตั้งแต่เด็ก อร่อย กินได้ทุกวัน รสชาติคุ้นเคย เหมือนนำความทรงจำดีๆ ในวัยเด็กกลับมาอีกครั้ง อาหารบ้านๆ ที่เราไม่เคยเบื่อ เราอยากนำรสชาติอาหารนี้มาแบ่งปันให้กับคนอื่นๆ ด้วย เป็นการตีความ comfort food ในวัฒนธรรมไทย" ปอม-รัตมา พงศ์พนรัตน์ หนึ่งในหุ้นส่วนร้าน มินิบาร์ คาเฟ่ กล่าว

"โดยส่วนตัว ปอมชอบลิ้นวัวมากๆ เพราะฉะนั้นในเมนูของร้านจึงมีอาหารที่ปรุงด้วยลิ้นวัว" รัตมา กล่าวพร้อมกับภูมิใจนำเสนอเมนูที่เธอนึกอยากรับประทานแต่ร้านอื่นไม่ทำ ลิ้นวัวทอด (Ox-Tongue Fritters, 190 บาท) เคล็ดลับความอร่อยอยู่ที่ต้องตุ๋นลิ้นวัวก่อนแล้วจึงนำไปชุบแป้งบางๆ ทอดให้ได้สีน้ำตาลทอง ไม่เหนียว แค่เคี้ยวพอหนึบๆ เสิร์ฟกับมายองเนสปรุงรส, มีครบทั้ง สตูว์ลิ้นวัว (Ox Tongue Stew, 320 บาท), และ ลิ้นวัวกะเพรากรอบ (Stir-Fried Ox Tongue, 160 บาท) เสิร์ฟกับไข่ทอดน้ำวางบนข้าวสวย

รัตมาเล่าต่อไปว่า เธอชอบอาหารประเภทเนื้อวัว ชีส และอะไรที่เคี้ยวได้กรอบๆ ซึ่งกลายมาเป็นวัตถุดิบของอาหารอีกหลายเมนู เช่น ซาร์ดีน เทมปุระ (Sardines Tempura, 150 บาท) ปลาซาร์ดีนกระป๋องในน้ำมันมะกอกชุบแป้งทอด เสิร์ฟมาในกระป๋องและซัลซ่ามะละกอ

เพราะนึกถึง 'ข้าวไข่ระเบิด' ที่โรงอาหารสามย่าน จึงมีเมนู ข้าวไข่ระเบิด (Sweet Minced Pork, 140 บาท) แต่นำวิธีการทำขนมไทยคือการโรยไข่แบบ 'หรุ่ม' มาประยุกต์ให้น่ากินขึ้น

ปลาทอดราดพริกก็เป็นอีกหนึ่งเมนูโปรด จึงเห็นพ้องต้องกันให้มี ปลากะพงราดพริก (Deep-Fried Sea Bass, 200 บาท) ปลากะพงชิ้นหนา ทอดกรอบนอกนุ่มใน ราดซอสรากผักชี-กระเทียม-พริกขี้หนู เสิร์ฟกับข้าวควินัวร์เพื่อสุขภาพ 

เมนู ข้าวยำสายบุรี ที่นำสูตรไม้ตายของครอบครัว ธัชชัย นาคพันธุ์ และครอบครัว 'สุขเวช' มารวมกัน

อาหารว่างแบบไทยๆ เมี่ยงหมูสามชั้น (DIY Garden Wrap, 190 บาท) พระเอกคือหมูสามชั้น พ่อครัวบรรจงต้ม เอาขึ้นมาโรยเกลือ ทอดได้กรอบพอดี รสชาติเค็มนิดๆ วางบนผักสด เส้นหมี่ขาว เครื่องเมี่ยงครบครัน หยอดน้ำจิ้มทะเลรสจัด เคี้ยวแต่ละคำครบรส ได้กลิ่นหอมของมะนาวหั่นติดผิว

มาถึง 'พิซซา' อาหารยุโรปที่กินได้ง่ายๆ ประยุกต์ใหม่เป็น ตอร์ติซซา (Tortizza, 190 บาท) ใช้แผ่นแป้งตอร์ติญาของสเปน แนบความร้อนในกระทะ โรยหน้าด้วยกุ้งสับผัดมันกุ้ง แฮม มะเขือเทศ พริกขี้หนู และมอสซาเรลลาชีสเพิ่มความหนืด สำหรับคนชอบแป้งที่บางกว่าพิซซาทั่วไป, หนักท้องขึ้นอีกนิดด้วย เพนเน โชริโซ คาร์โบนารา (Penne Chorizo Carbonara, 220 บาท) คาร์โบนาราไส้กรอกหมูสเปนสไลซ์กับไข่ทอดน้ำ

เมนู ซีซาร์ สลัด (Caesar Salad, 220 บาท) ใช้เกล็ดขนมปังทอดกรอบทุบละเอียด แทนขนมปังกรอบ ปั่นกับแองโชวี ส่วนน้ำสลัดใช้มายองเนสตีกับน้ำส้มสายชู น้ำมันมะกอก กระเทียม พาสลีย์ ไม่ผสมแองโชวีกับน้ำสลัด เพื่อให้น้ำสลัดคงความหอม ไม่มีกลิ่นเค็ม-เปรี้ยว เสิร์ฟกับไข่ทอดน้ำและผักกาดโรเมนจากออสเตรเลียที่ให้รสชาติดีที่สุด

ขนมหวานก็เด็ดไม่น้อยหน้าอาหาร 'พิมรา สุขเวช' นอกจากนำเมนูขายดีตลอดกาล เค้กเรดเวลเวทพุดดิ้งกล้วย มาไว้ที่นี่ ยังนำเสนอเค้กและขนมสูตรเด็ดที่ต้องลองอีก เช่น กรานิต้าเอ็กซ์เพรสโซใส่นมสามชนิด (Espresso & Tres Leches Granita, 150 บาท) เสิร์ฟกับบราวนี่อุ่นๆ และ ขนมปังปิ้งชุ่มเนย เสิร์ฟกับครีมรสชาไทย (Grilled Buttery Toast Served with Thai Tea Cream, 150 บาท) เหมือนได้กินขนมปังเย็นสมัยเป็นนักเรียนขาสั้น

อีกหนึ่งหุ้นส่วน พรรณพิมล จงประสิทธิผล ดูแลสร้างสรรค์เมนูเครื่องดื่ม แนะนำ น้ำมะตูม (Honey Matroom Pop, 120 บาท) น้ำมะตูมผสมน้ำผึ้งและมะนาวผ่านเครื่องอัดโซดา ดื่มแล้วสดชื่น, น้ำใบเตย (Pandan Passion Smash, 120 บาท) น้ำกลิ่นใบเตยผสมเสาวรสและน้ำเชื่อมทับทิบ, อโวคาโด ครีมมี่ (Creamy Avocado, 150 บาท) เนื้ออโวคาโดปั่นในครีมเนื้อเนียนนุ่ม เป็นเครื่องดื่มสุขภาพที่ต้องใช้ช้อนตัก เติมว่านหางจระเข้ทำเป็นเกล็ดน้ำแข็งตัดเลี่ยน

ร้านมินิบาร์ คาเฟ ตั้งอยู่บนชั้น 5 เซ็นทรัล เอ็มบาสซี เปิดบริการทุกวัน 10.30-22.00 น. โทร.0 2160 5610 หรือเฟซบุ๊ค Minibar Cafe