กลุ่มอสังหาฯชี้คอนโดแผ่ว หันบุกเจาะตลาด'แนวราบ'

กลุ่มอสังหาฯชี้คอนโดแผ่ว หันบุกเจาะตลาด'แนวราบ'

ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์รับตลาดคอนโดมิเนียมชะลอตัว หลังซัพพลายล้นช่วง 2-3 ปีก่อน เพอร์เฟคชี้แค่ระยะสั้น

 วางนโยบายปีนี้เน้นเจาะบ้านเดี่ยวไฮเอนด์ รับความต้องการซื้อเพิ่ม ตั้งเป้ารายได้จากแนวราบ1หมื่นล้านบาท จากทั้งหมด1.76หมื่นล้านบาท ด้าน ‘แอลพีเอ็น’ เชื่อคอนโดโตช้าลง คาดปีนี้โดเปิดใหม่8หมื่นยูนิตจากปีก่อน7.8หมื่นยูนิต มั่นใจรายได้ปีนี้โต 36% ตามเป้า แตะ1.6หมื่นล้านบาท


ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ได้รับผลกระทบเป็นอันดับต้นๆ ล่าสุด บรรดาผู้ประกอบการในกลุ่มคอนโดมิเนียมออมายอมรับว่าตลาดคอนโดมิเนียมปีนี้เริ่มชะลอตัวอย่างเห็นได้ชัด
ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ได้รับผลกระทบเป็นอันดับต้นๆ ล่าสุด บรรดาผู้ประกอบการในกลุ่มคอนโดมิเนียมออกมายอมรับว่าตลาดคอนโดมิเนียมปีนี้เริ่มชะลอตัวอย่างเห็นได้ชัด


นายธีรธัชช์ สิงห์ณรงค์ธร ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่กลุ่มสนับสนุน บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) PF เปิดเผยว่า ในปีนี้ความต้องการซื้อของตลาดคอนโดมิเนียมน่าจะชะลอตัวลง เนื่องจากในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมามีความต้องการขายเข้ามาอย่างมาก ทำให้ความต้องการซื้อของผู้บริโภคเพิ่มขึ้นไม่ทัน แต่ทั้งนี้ บริษัทมองว่าภาวะดังกล่าวจะเป็นเกิดขึ้นเพียงระยะสั้นเท่านั้น หากความต้องการขายลดลงจนเข้าสู่จุดสมดุลแล้ว ตลาดคอนโดมิเนียมน่าจะสามารถเติบโตต่อได้ในระดับปกติ


“แม้ในปีนี้หลายฝ่ายจะมองว่าตลาดคอนโดมิเนียมจะชะลอตัวลง แต่โดยรวมก็ยังสามารถเติบโตได้ เพียงแค่จะเติบโตในอัตราที่ลดลง แต่ทั้งนี้หากภาวะโอเวอร์ซัพพลายหมดไป ตลาดคอนโดมิเนียมก็จะเติบโตต่อได้ เพราะปัจจุบันรูปแบบการใช้ชีวิตของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงจากบ้านเดี่ยวไปสู่คอนโดมิเนียมมากขึ้น ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้บริษัทตัดสินใจเข้ามาสู่ตลาดนี้มากยิ่งขึ้น ทำให้บริษัทตัดสินใจเข้าซื้อบริษัท แกรนด์ แอสเสท โฮเทลส์ แอนด์ พรอพเพอร์ตี้ จำกัด(มหาชน) หรือ GRAND ซึ่งจะเน้นการสร้างคอนโดมิเนียมแบบซีบีดี” นายธีรธัชช์ กล่าว


เพอร์เฟคเน้นแนวราบระดับบน
สำหรับปีนี้บริษัทจะเน้นเจาะตลาดแนวราบเป็นหลัก โดยเฉพาะตลาดบ้านเดี่ยวระดับบน ซึ่งเป็นกลุ่มที่ยังคงมีความต้องการซื้ออย่างต่อเนื่อง และที่สำคัญคือไม่ได้รับผลกระทบจากการควบคุมการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงินในช่วงนี้ ตามการชะลอตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศ โดยปีนี้บริษัทจะเปิดโครงการใหม่ทั้งสิ้น 24 โครงการ รวมมูลค่า 29,500 ล้านบาท เป็นบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮ้าส์ 20 โครงการ มูลค่า 25,000 ล้านบาท คอนโดมิเนียม 3 โครงการ มูลค่า 3,000 ล้านบาท และโครงการต่างจังหวัด 1 โครงการ มูลค่า 1,500 ล้านบาท


“ในปีนี้ความต้องการซื้อของผู้บริโภคจะกลับมาเป็นบ้านเดี่ยวมากขึ้น หลังจากที่การขยายของรถไฟฟ้าเริ่มครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ประกอบกับราคาคอนโดมิเนียมที่สูงขึ้นมากในปัจจุบัน ฉะนั้นในปีนี้บริษัทจะเน้นเจาะตลาดแนวราบซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัทอยู่แล้ว โดยบริษัทตั้งเป้ารายได้จากแนวราบ 10,000 ล้านบาท จากรายได้ทั้งหมด 17,600 ล้านบาท ส่วนในระยะยาวบริษัทคาดว่าสัดส่วนรายได้จากแนวราบและแนวสูงน่าจะใกล้เคียงกัน เพราะโดยปกติแล้วตลาดคอนโดมิเนียมจะเติบโตสูงกว่าบ้านเดี่ยว” นายธีรธัชช์ กล่าว
หวังอุตฯอสังหาปีนี้ดีขึ้น


ส่วนของภาพรวมอุตสาหกรรมในปีนี้น่าจะดีขึ้น แต่ยังต้องติดตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคอย่างต่อเนื่องว่าจะเป็นไปตามที่คาดไว้หรือไม่ ซึ่งในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ความเชื่อเริ่มดีขึ้นแต่ยังไม่ชัดเจนมากนัก แต่ทั้งนี้ยังส่งผลให้ยอดขายเติบโตขึ้นถึง 30% เป็น 1,700 ล้านบาท หากเทียบกับรายได้ช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 1,300 ล้านบาท


ปัจจุบันบริษัทมียอดขายที่รอรับรู้รายได้ทั้งสิ้น 5,825 ล้านบาท โดยจะรับรู้ในปีนี้ 2,682 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 576 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม 2,106 ล้านบาท ส่วนที่เหลืออีก 3,142 ล้านบาท จะทยอยรับรู้ตั้งแต่ปี 2559 ในส่วนของที่ดินเปล่าปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 1,600 ไร่ คาดปีนี้จะแบ่งขายออกไป 1 แปลง มูลค่า 900 ล้านบาท ขณะที่ปีนี้บริษัทตั้งงบซื้อที่ดินเพิ่ม 2,000 - 2,500 ล้านบาท


แอลพีเอ็นรับคอนโดฯโตน้อยลง
ด้านนายโอภาส ศรีพยัคฆ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ LPN เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดคอนโดมิเนียมมีอัตราเติบโตชะลอตัว แต่ยังเติบโตได้ โดยเฉพาะการเปิดตัวโครงการใหม่ของตลาดคอนโดมิเนียมปีนี้น่าจะเพิ่มขึ้นจากปีก่อนเพียงเล็กน้อย โดยบริษัทคาดการณ์ว่าจะมีการเปิดตัวโครงการใหม่ 80,000 ยูนิต จากปีก่อนอยู่ที่ 78,000 ยูนิต ส่วนในปี 2556 อยู่ที่ 85,000 ยูนิต ซึ่งสาเหตุที่การเปิดตัวโครงการใหม่ๆ ค่อนข้างจะทรงตัวเป็นเพราะหลายบริษัทเริ่มเปลี่ยนมาทำโครงการแนวราบมากยิ่งขึ้น


“แม้หลายฝ่ายจะมีมุมมองต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้ว่าความต้องการซื้อจะเปลี่ยนจากคอนโดมิเนียมมาเป็นแนวราบ แต่จากประสบการณ์ที่อยู่ในอุตสาหกรรมนี้มา 15 ปี บริษัทยังมองว่าความต้องการซื้อคอนโดมีเนียมจะสามารถเติบโตได้ต่อเนื่อง และหากมองย้อนไปเมื่อปีที่แล้วซึ่งประสบปัญหาเศรษฐกิจชะลอตัว คอนโดมิเนียมก็ยังเปิดตัวเพิ่มถึง 78,000 ยูนิต” นายโอภาส กล่าว


สำหรับภาพรวมในปีนี้ ช่วงครึ่งแรกอาจจะไม่คึกคักมากนัก ตามทิศทางของเศรษฐกิจที่ค่อยๆ ฟื้นตัว แต่อย่างไรก็ตามยังคงมีผู้บริโภคที่มีความต้องการซื้อจริงๆ เข้ามาเยี่ยมชมโครงการต่อเนื่อง ส่วนช่วงครึ่งหลังของปีเชื่อว่าตลาดจะกลับมาคึกคักมากยิ่งขึ้น ตามทิศทางของเศรษฐกิจและกำลังซื้อในประเทศ ซึ่งบริษัทเองจะเริ่มเปิดตัวโครงการและทำการตลาดมากขึ้นในช่วงไตรมาส 2 หลังจากช่วงสองเดือนที่ผ่านมาเปิดตัวไปเพียง 1 โครงการ


“บริษัทมั่นใจว่ารายได้ของบริษัทจะเติบโต 36% จากปีก่อน แตะ 16,000 ล้านบาท ตามเป้าหมายที่วางไว้ แม้รายได้ในไตรมาส 1 อาจเติบโตไม่ดีเท่าช่วงเดียวกันปีก่อน เนื่องจากมีโครงการเสร็จน้อยและสามารถโอนได้เพียง 1 โครงการ จึงคาดว่าจะมีรายได้เข้ามาประมาณ 1,700 - 1,800 ล้านบาท ต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 2,000 ล้านบาท” นายโอภาส กล่าว


คาดยอดปฏิเสธสินเชื่อไม่เกิน10%
นอกจากนี้ คาดว่ายอดปฏิเสธสินเชื่อในปีนี้จะเฉลี่ยอยู่ที่ไม่เกิน 10% ใกล้เคียงกับปีก่อนที่มียอดปฏิเสธสินเชื่อ 8-9% โดยบริษัทมีการบริหารจัดการลูกค้าโดยมีการตรวจสอบเอกสารทางการเงินก่อนที่ลูกค้าจะนำไปยื่นสถาบันการเงินทำให้ยอดปฏิเสธสินเชื่อปีนี้จะดีขึ้น