ทางเดินหลังไมค์ของ‘พลับ’

ทางเดินหลังไมค์ของ‘พลับ’

วัย 10 ของ พลับ-จุฑาภัทร เหล่าธรรมทัศน์ เป็นที่รู้จักของคนทั่วประเทศ วันนี้เขาโตเป็นหนุ่มมาดเนี้ยบ มาพร้อมมุมความคิดใหม่กับบทบาท ผู้บริหาร

ใครๆ ก็ไม่รักผม ขนาดพัดลมยังส่ายหน้าเลย...ผลงานเพลงสร้างชื่อของเด็กชาย พลับ-จุฑาภัทร เหล่าธรรมทัศน์ เมื่อ 13 ปีก่อน ขณะนั้นเขาอายุ 10 ขวบ หลังจากนั้นก็มีผลงานโฆษณา และ งานละครโทรทัศน์ เรื่อง หน้าต่างสีชมพู-ประตูสีฟ้า แล้วอำลาเมืองไทยไปศึกษาต่อระดับมัธยมที่ สถาบันฟิลลิปส์เอกซ์เซเตอร์ รัฐนิวแฮมป์เชียร์ สหรัฐอเมริกา จนกระทั่งสำเร็จระดับปริญญาตรี สาขาคณิตศาสตร์จากมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย รัฐนิวยอร์ก

แล้วกลับมาเมืองไทยเมื่อปลายปีที่แล้ว(2557) พร้อมรับตำแหน่ง ผู้จัดการทั่วไป โรงแรมเทวมันตรา รีสอร์ทแอนด์สปา จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งเป็นธุรกิจของครอบครัว เรียกได้ว่าพอกลับมาก็ไม่ได้หยุดพักเลยสักวัน ทุกเช้าประชุมกับพนักงานทุกแผนกเพื่อรับรายงานและพร้อมช่วยแก้ปัญหา เมื่อตำแหน่ง GM โรงแรมต้องดูแลความเรียบร้อยตั้งแต่สนามหญ้า ปัญหาเล็กๆ ไปจนถึงเรื่องใหญ่อย่างภาพลักษณ์ของโรงแรมทั้งภายนอกและภายใน

๐ ไม่ได้เรียนมาทางด้านการโรงแรม ดังนั้น ในด้านของธุรกิจการบริหาร คุณพ่อคุณแม่ถ่ายทอดอะไรให้บ้าง?
ตอนที่ผมเข้ามารับงานนี้แรกๆ คุณพ่อ ( เจริญ เหล่าธรรมทัศน์) ก็จะสอนว่าทำอะไรก็ตามเราต้องให้ใจใส่ใจคนทำงาน ไม่ใช่สักแต่จะสั่งอย่างเดียว เราจะต้องติและชม ตามความเหมาะสม เพื่อเป็นกำลังใจให้คนที่ทำงานให้กับเรา
งานบริการเป็นงานที่ระเอียดอ่อนนะครับ ซึ่งไม่เป็นปัญหาสำหรับผม เพราะเคยเป็นนักร้องมาแล้ว ชีวิตช่วงนั้นสอนให้ผมเป็นคนละเอียดอ่อนมาก บางครั้งเซนสิทีฟเกินไปด้วยซ้ำ ตอนผมเป็นเด็กเวลาใครบอกอะไร บางครั้งฟังแล้วก็รู้สึกเฮิร์ทนะ ก็รู้ว่าบางครั้งเราเปลี่ยนตัวเองไม่ได้ 100% แต่ว่าวันนี้ใครมาบอกว่าอาหารที่โรงแรมไม่อร่อยเลย ผมก็สามารถทำใจยอมรับ แล้วถามกลับไปว่าไม่อร่อยเพราะอะไร เราสามารถปรับปรุงได้ไหม

๐ อีก 10 ปี มองว่าตัวเองจะเป็นอย่างไร?
 ตอนนั้นผมคงอายุ 32 ปี ถ้าเป็นไปได้ตอนนั้นอยากจะมีปริญญาโทอีก 1 ใบ และอยากจะออกมาทำอะไรที่เป็นของตัวเอง เช่น ธุรกิจเกี่ยวกับอาหาร เพราะผมเป็นคนชอบอาหาร

๐ คิดว่าจะเป็นซีอีโอสไตล์ไหน?
แล้วมันมีกี่สไตล์ละครับ (หัวเราะ) ผมคิดว่าคงจะเป็นผู้บริหารที่เรียบร้อยมั๊งครับ มีความนอบน้อม มีสัมมาคารวะ และมีความเป็นโปรเฟสชั่นนัล เป็นคนที่พูดอะไรก็เป็นแบบนั้น แต่ถ้าใครไม่ตรงมาเอาเปรียบเราก็เอาจริงได้เหมือนกัน

๐ ย้อนกลับไปถามเรื่องของการเรียนสักนิด ทำไมเลือกเรียนด้านเศรษฐศาสตร์?
เศรษฐศาสตร์ยากมากครับแต่ก็พยายามเรียนจนสำเร็จ ก่อนอื่นที่ผมเลือกเรียนที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย เพราะว่าผมรักนิวยอร์ก ผมว่านิวยอร์กเหมือนผู้หญิงที่เซ็กซี่ไม่น่าเบื่อ มองไปทีไรก็ไม่น่าเบื่อ คุยด้วยก็ไม่น่าเบื่อ นิวยอร์กไม่เคยทำให้ผมเบื่อเลยสักวัน มีอะไรให้ผมทำตลอดเวลา ผมอยากได้อะไรมันก็อยู่ที่นั่น
ร้านอาหารดังอย่าง Babbo Ristorante ที่ใครๆ ก็อยากมากิน ต้องจองโต๊ะกันเป็นเดือนๆ แล้วบินมาจากทั่วโลกเพื่อมากินก็อยู่ที่นั่น ผมแค่โทรไปก็จองโต๊ะได้แล้ว ร้านระดับมิชลิน 3 ดาว ผมก็กินมาหลายที่แล้ว ไม่ใช่ร้านแพงๆ อย่างเดียวนะ ร้านทั่วๆ ไปแต่อร่อยก็มี เช่นบะหมี่ โจ๊ก ที่คนฮ่องกงเองก็ยังต้องบินมากิน ร้านราเม็งอร่อยๆ ที่คนญี่ปุ่นยังต้องบินมากิน ก็อยู่ที่นั่น ผมแค่ไปต่อแถวก็ได้กินแล้วไม่ต้องจอง นั่นคือเสน่ห์ของนิวยอร์กที่ผมชอบ
ส่วนมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย เป็นมหาวิทยาลัยที่ทันสมัย ไม่คอนเซอร์เวทีฟจ๋า ผมใช้ชีวิตอยู่ 3 ปีครึ่งไม่เคยเบื่อเลยซักวัน

๐ เคยประสบการณ์เกเรมีไหม?
เอาเรื่องที่ค่อนข้างโอเคหน่อยก็แล้วกันนะครับ คือมีอยู่ครั้งหนึ่งที่ผมไปเที่ยวดึกมากจนถึง 6 โมงเช้า ก็เลยบอกแม่ว่าผมจะไปนอนบ้านเพื่อนเลยก็แล้วกัน ก็ตัดสินใจหอบหมอนไปด้วย เพราะผมเป็นโรคติดหมอนที่บ้านมาก ความเรื่องนี้ไม่น่าบอกเลยนะครับ (หัวเราะ) ตอนนั้นผมอายุ 20 ปี แก๊งมีกัน 7 คน แต่วันนั้นไปกัน 6 คน ดื่มกันเต็มที่มาก
หลังจากตระเวนทั่วกรุงเทพฯ กลับมาบ้านเพื่อนอีกคนตอนตี 4 เพื่อนทุกคนน็อค แต่ผมนอนไม่หลับเพราะเวลาดื่มเยอะๆ แล้วจะนอนไม่หลับ ก็เลยออกมาโบกแท็กซี่กลับบ้านทั้งๆ ที่ใส่ชุดนอนถือหมอนออกมาด้วย ตอนตี 5 ไม่กล้ากดกริ่งหน้าบ้าน ก็เลยเหวี่ยงหมอน ปีนข้ามรั้ว แต่ก็เข้าบ้านไม่ได้อีก เพราะไม่อยากปลุกแม่ (ดร.อุษณี) เพราะบอกว่าจะไม่กลับบ้าน แต่แม่เปิดประตูมาเห็นพลับถือหมอนใส่ชุดนอน คงได้ยินตอนที่ปีนรั้วโดดลงมาตุ๊บนั่นแหละ แม่พูดว่า อืม...ตกลงนอนที่บ้านเพื่อนไม่ได้ใช่ไหม เดี๋ยวพรุ่งนี้ตื่นมาแล้วค่อยคุยกันนะ (หัวเราะ)

๐ ครอบครัวของพลับมีสไตล์การเลี้ยงลูกแบบไหน?
ผมก็ไม่รู้หรอกนะว่าเลี้ยงแบบไหน แต่ที่รู้ก็คือ...ผมติดแม่ คือเกิดมาในชาตินี้เพื่อเป็นแม่ที่ผมรักที่สุด ทุ่มเทที่สุด ตอนนั้นแม่กำลังสร้างโรงแรมนี้อยู่ ออกแบบเองดูแลเองทุกอย่าง ผมเห็นตั้งแต่แม่เริ่มซื้อที่ดิน แต่แม่ยอมทิ้งทุกอย่างเพื่อไปอยู่กับผมที่เมืองนอก กลัวว่าโรงเรียน บอร์ดดิ่งสคูลจะยากไปสำหรับผม เพราะเกิดมายังไม่เคยเรียนอะไรหนักขนาดนั้น
คุณแม่ไปอยู่กับผม 2 ปี บินไปกลับปีละ 8 ครั้ง ตอนที่ผมเป็นนักร้องก็อยู่ประกบผมตลอดเวลา ทั้งๆ ที่คุณแม่ก็มีงานมีการทำนะ ไม่ใช่ไม่มี ท่านทำเพื่อผม เพื่อไม่ให้ผมเสียคน คอยดูแลสั่งสอนตลอดเวลาก็เลยจะสนิทกับแม่มาก มีเรื่องแฟนเรื่องอะไรแม่รู้หมดทุกอย่าง พลับเล่าให้แม่ฟังหมดทุกเรื่อง ผู้หญิงที่จะมาจีบพลับต้องเตรียมใจไว้นะครับ(หัวเราะ)

๐ คิดว่าตัวเองดูแตกต่างจากเด็กอื่นๆ ไหม?
แตกต่างจากเด็กทั่วไปเหรอ คือในชั้นเรียนเขาก็ดูพลับแปลกอยู่แล้ว เพราะเจอกันในห้องเรียน พอกลับบ้านก็เจอพลับในทีวีโฆษณาโอวัลตินออกทุกช่อง ตอนนั้นเรียนโรงเรียนอินเตอร์ เรียนแบบชิลๆ ไม่ต้องท่องหนังสือก็สอบได้ พอไปอยู่อเมริกาอยู่โรงเรียนประจำที่เข้มงวดนิดหนึ่ง คุณแม่ก็เลยเป็นห่วง ถึงขนาดตามไปอยู่ด้วย

๐ ตอนนี้มองว่าผู้ชายที่ชื่อจุฑาภัทร เป็นอย่างไร?
คงจะเป็นคนที่รั่ว แต่มีความคิดครับ อยู่กับผมไม่รู้สึกอึดอัดแน่นอน คุยกันได้เรื่อยๆ ได้ทั้งสาระและความเฮฮา ผมคิดว่านี่คือผู้ชายที่ผมโตมาเป็นครับ ข้อดีของผมคือมีความพยายามสูง ไม่ได้เป็นคนเกิดมาเป็นเด็กฉลาดแต่มีความพยายามนะ ข้อเสียก็คือ ทำอะไรได้ทีละด้าน เช่น เวลาที่เป็นนักร้องก็เป็นนักร้องอย่างเดียว ไม่ดูอย่างอื่นเลย พอเป็นนักธุรกิจก็จะเป็นนักธุรกิจอย่างเดียว ไม่อยากทำอย่างอื่น

๐ เมื่อไหร่จะมีผลงานในวงการบันเทิงอีก?
งานเพลงมันไม่มีวันหายไปจากชีวิตผมหรอก อย่างตอนเข้ามหาวิทยาลัยก็เอางานเพลงมาเป็นพอร์ตส่งทางมหาวิทยาลัย เพราะมันเป็นทั้งชีวิต ทำให้เราโดดเด่น งานเพลงอยู่กับผมตลอดเวลา ความเป็นนักร้องก็ติดตัวมาตลอดเวลา แต่จะมีงานออกมาอีกเมื่อไหร่ก็ยังไม่รู้จริงๆ
ผมคิดอยู่อย่างหนึ่งว่า การที่จะพัฒนาตัวเองได้ ต้องออกมาจากพื้นที่ที่เรารู้สึกปลอดภัย ผมคิดว่าการร้องเพลงเป็นเซฟตี้โซนของผม เป็นอะไรที่ทำแล้วรู้สึกสบายๆ ไม่ซีเรียส ซึ่งตอนนี้ผมอยากจะลองเปลี่ยนแนวคิด เปลี่ยนอาชีพ ไม่งั้นชีวิตก็จบไปแล้วตั้งแต่อายุ 10 ขวบ ผมไม่อยากให้จบแค่นั้น
ถ้าเราทำสิ่งที่ไม่ถนัดสำเร็จ ได้ท้าทายกับการเรียนรู้ใหม่ๆ ถือเป็นสิ่งที่ทำให้เราพัฒนาตัวเองได้ ความฝันของผมอีกอย่างในอนาคตอาจจะทำอะไรเพื่อสังคมบ้าง คงจะแฮปปี้มากๆ หากได้ทำธุรกิจที่ทำเพื่อสังคมไปด้วย ส่วนงานบันเทิงก็ได้รับการติดต่อให้ไปเล่นละครนะ ผมว่าพลับตอนเด็กเล่นละครห่วยยังไง โตขึ้นก็คงไม่ดีไปกว่านั้น (หัวเราะ) ต้องขอโทษด้วยที่ยังไม่มีผลงานเพลงและผลงานละครในตอนนี้ แต่ไม่เป็นไรนะครับยังไงก็มาพักที่โรงแรมผมได้ จะดูแลอย่างดีครับ (ฮา)