ไทยออยล์คาดการณ์แนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมัน 2-6 มี.ค.58

ไทยออยล์คาดการณ์แนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมัน 2-6 มี.ค.58

“ราคาน้ำมันดิบผันผวน จับตาการประชุมธนาคารกลางยุโรปถึงความคืบหน้าของมาตรการ QE”

“ไทยออยล์คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 49-54 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 58-63 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล”

แนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบ (2-6 มี.ค. 58)

ราคาน้ำมันดิบสัปดาห์นี้ยังคงผันผวน ติดตามการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) วันที่ 5 มี.ค นี้ ถึงความคืบหน้าของมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) รวมถึง จับตาทิศทางเศรษฐกิจของกรีซและยูโรโซน หลังรัฐมนตรีคลังยูโรโซนอนุมัติให้ขยายมาตรการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่กรีซออกไปอีก 4 เดือน อย่างไรก็ตาม ตลาดยังคงได้รับแรงกดดันต่อเนื่อง จากการที่โรงกลั่นน้ำมันสหรัฐ ในเขต East Coast ต้องเผชิญกับสภาพอากาศที่หนาวเย็นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจส่งผลให้อุปสงค์น้ำมันดิบอ่อนตัวลง นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากอุปทานน้ำมันดิบที่ยังคงล้นตลาด และอุปสงค์น้ำมันดิบที่อาจปรับตัวลดลงในช่วงไตรมาส 2 เนื่องจากเริ่มเข้าสู่ฤดูกาลปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่น โดยเฉพาะยิ่งในเอเชีย

ปัจจัยสำคัญที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์นี้:

ติดตามการประชุมECB วันที่ 5 มี.ค. ถึงความคืบหน้าของมาตรการ QE โดย ECB จะเริ่มฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ 6 หมื่นล้านยูโรต่อเดือน ในเดือน มี.ค. นี้ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่กำลังซบเซาและรับมือกับภาวะเงินฝืดในยูโรโซน โดย ECB ได้ดำเนินมาตรการ QE เป็นเวลาอย่างน้อย 1 ปี ซึ่งจำนวนเงินดังกล่าวจะมีมูลค่าอย่างน้อย 1.1 ล้านล้านยูโร (1.3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ) โดยมาตรการนี้จะมีผลตั้งแต่เดือน มี.ค. 2558 จนถึงเดือน ก.ย. 2559

ติดตามทิศทางเศรษฐกิจของกรีซและยูโรโซน หลังรัฐมนตรีคลังยูโรโซนอนุมัติให้ขยายมาตรการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่กรีซออกไปอีก 4 เดือน ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีการอนุมัติแผนปฏิรูปเศรษฐกิจของรัฐบาลกรีซไปแล้วเมื่อวันที่ 24 ก.พ.58 โดยกรีซจะดำเนินการตามแผนปฏิรูปเศรษฐกิจนี้ในเดือน ก.ค. ซึ่งมาตรการต่างๆประกอบด้วย การปราบปรามการเลี่ยงภาษี การจัดตั้งระบบการจัดเก็บภาษีที่เป็นธรรมยิ่งขึ้น การแก้ปัญหาการลักลอบขนส่งเชื้อเพลิงและยาสูบ การปฏิรูปด้านแรงงาน ซึ่งทางยูโรโซนเผยว่าแผนการดังกล่าวค่อนข้างเป็นที่น่าพอใจ ทำให้ตลาดเริ่มผ่อนคลายความกังวลจากการที่กรีซอาจจะต้องเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้ และพ้นจากการเป็นสมาชิกยูโรโซน ซึ่งอาจส่งผลลบต่อเศรษฐกิจของยูโรโซน

โรงกลั่นน้ำมันสหรัฐ ในเขต East Coast ยังคงได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลให้อุปสงค์น้ำมันดิบอ่อนตัวลง นอกจากนี้โรงกลั่นดังกล่าวอาจต้องชะลอการผลิตน้ำมันสำเร็จรูป จึงทำให้ตลาดเกิดความกังวลต่อปริมาณน้ำมันสำหรับทำความร้อนที่อาจตึงตัวในระยะสั้น

ตลาดน้ำมันดิบอาจได้รับแรงกดดันในช่วงไตรมาส 2 ที่จะเริ่มเข้าสู่ฤดูกาลปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเอเชีย ซึ่งจะส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันดิบปรับตัวลดลง และกดดันราคาน้ำมันดิบ ทั้งนี้ อุปทานน้ำมันดิบส่วนเกินจากผู้ผลิตทั้งในและนอกกลุ่มโอเปกทั่วโลกยังคงล้นตลาดอยู่ราว 2 ล้านบาร์เรลต่อวัน

ตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ดัชนีภาคการผลิตจีน (PMI) ดัชนีภาคการบริการจีน (PMI) ดัชนีภาคการผลิตยูโรโซน (Markit PMI) ดัชนีราคาผู้ผลิตยูโรโซน ดัชนีราคาผู้บริโภคยูโรโซน ยอดค้าปลีกยูโรโซน จีดีพี Q4/14 ยูโรโซน ดัชนีภาคการผลิตสหรัฐฯ (ISM PMI) รายได้นอกภาคการเกษตรสหรัฐ และอัตราการว่างงานสหรัฐ

สรุปสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์ที่ผ่านมา (23-27 ก.พ. 58)

ราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับลดลง 0.58 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ปิดที่ 49.76 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับเพิ่มขึ้น 2.36 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ปิดที่ 62.58 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยอยู่ที่ 58 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล

ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์ที่ผ่านมาเคลื่อนไหวอย่างผันผวนและปรับเพิ่มขึ้นอีกครั้ง โดยมีปัจจัยสนับสนุนหลักจากความต้องการน้ำมันสำหรับทำความร้อนในสหรัฐ และตัวเลขการขุดเจาะน้ำมันดิบในสหรัฐ ที่ปรับตัวลดลงน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ นอกจากนี้ยังได้รับแรงหนุนจากการที่รัฐมนตรีกระทรวงน้ำมันของซาอุดิอาระเบีย ออกมาคาดการณ์ว่าอุปสงค์น้ำมันดิบโลกมีแนวโน้มที่จะปรับตัวขึ้นต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2558 ตามเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัว อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันดิบได้รับแรงกดดันจากการที่สถาบันปิโตรเลียมอเมริกัน (American Petroleum Institute-API) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังของสหรัฐที่ปรับเพิ่มขึ้น ขณะที่อุปสงค์น้ำมันดิบลดลง หลังการประท้วงของสหภาพแรงงานของโรงกลั่นน้ำมัน 12 แห่งในสหรัฐ ยังไม่มีแนวโน้มที่จะยุติ

                                                              -----------------------------------------------------

ที่มา : บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน)
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร.02-797-2999