ธปท.ชี้'อสังหา'ม.ค.ยังแผ่ว

ธปท.ชี้'อสังหา'ม.ค.ยังแผ่ว

"แบงก์ชาติ" เผยตลาดอสังหาฯ เดือน ม.ค.ยังแผ่ว ชะลอทั้ง "อุปสงค์-อุปทาน" ชี้ผลจากกำลังซื้อฟื้นตัวช้า

รายงานข่าวจากธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เปิดเผยว่า ภาวะอสังหาริมทรัพย์ในเขตกรุงเทพและปริมณฑลเดือนม.ค.ที่ผ่านมา ชะลอลงจากเดือนก่อนทั้งด้านอุปสงค์และอุปทาน โดยกำลังซื้อที่ฟื้นตัวช้า ส่งผลให้ผู้ประกอบการชะลอการเปิดขายโครงการใหม่

นอกจากนี้ความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยลดลงจากเดือนก่อนโดยเฉพาะอาคารชุด เนื่องจากครัวเรือนระมัดระวังการใช้จ่ายจากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวค่อนข้างช้า ประกอบกับสถาบันการเงินยังระมัดระวังการให้สินเชื่อ สะท้อนจากจำนวนที่อยู่อาศัยที่ได้รับอนุมัติสินเชื่อปล่อยใหม่ของธนาคารพาณิชย์ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ซึ่งเป็นค่าปรับฤดูกาลเฉลี่ยเคลื่อนที่ 3 เดือน ลดลงจาก 5,698 หน่วยในเดือนก่อน มาอยู่ที่ 4,962 หน่วยในเดือนม.ค.2558

ส่วนอัตราการจองซื้อที่อยู่อาศัย ที่เป็นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 3 เดือน อยู่ที่ 27.9% ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในระยะยาวตั้งแต่ปี 2549-2557 ที่ 37.5%

สำหรับในด้านอุปทาน ผู้ประกอบการชะลอการเปิดขายโครงการใหม่ โดยเฉพาะอาคารชุดเนื่องจากอุปสงค์ฟื้นตัวช้า โดยจำนวนที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่ ที่เป็นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 3 เดือน ลดลงจาก 9,223 หน่วยในเดือนก่อนมาอยู่ที่ 8,984 หน่วยในเดือนม.ค.

รายงานข่าวระบุด้วยว่า ในส่วนของสินเชื่อภาคเอกชนของสถาบันรับฝากเงินอื่นในเดือนม.ค.2558 ขยายตัว 4.3% จากระยะเดียวกันของปีก่อน ชะลอลงจากเดือนก่อนที่ขยายตัว 4.5% จากสินเชื่อภาคครัวเรือนที่ปล่อยโดยสถาบันการเงินเฉพาะกิจ ขณะที่สินเชื่อที่ปล่อยโดยธนาคารพาณิชย์เร่งขึ้นเล็กน้อยจากสินเชื่อเพื่อการอุปโภคบริโภค

ส่วนสินเชื่อภาคธุรกิจโดยรวมทรงตัวจากเดือนก่อน สำหรับปริมาณสินเชื่อใหม่ชี้ว่า ในระยะสั้นอาจจะยังไม่เห็นการเพิ่มขึ้นของการลงทุน

สำหรับในด้านของเงินฝาก พบว่า เดือนม.ค.2558 มีการขยายตัว 4.3% จากระยะเดียวกันของปีก่อน เร่งขึ้นเล็กน้อยจากเดือนก่อนที่ขยายตัว 4.2% ตามการเพิ่มขึ้นของยอดคงค้างเงินฝากของภาคครัวเรือนทั้งที่ธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินเฉพาะกิจ (เอสเอฟไอ) หลังสถาบันการเงินหลายแห่งทยอยระดมเงินฝากในช่วงครึ่งหลังของปี 2557 ขณะที่เงินฝากของภาคธุรกิจขยายตัวในอัตราชะลอลง

อย่างไรก็ตามปริมาณเงินฝากใหม่ของภาคครัวเรือนที่ธนาคารพาณิชย์ลดลงบ้างจากเดือนก่อน จากการชะลอการระดมเงินฝากของธนาคารพาณิชย์บางราย

ส่วนอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ พบว่าระหว่างวันที่ 1-20 ก.พ.2558 อัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 12 เดือน และอัตราดอกเบี้ยธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ 4 แห่ง ไม่เปลี่ยนแปลงจาก ณ สิ้นเดือนม.ค. โดย ณ วันที่ 20 ก.พ.2558 อยู่ที่ 1.73% และ 6.75% ต่อปีตามลำดับ

ทั้งนี้ธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินเฉพาะกิจบางแห่งยังคงออกผลิตภัณฑ์เงินฝากพิเศษเพื่อรักษาฐานลูกค้าอยู่ แต่จำนวนและอัตราดอกเบี้ยที่เสนอมีแนวโน้มลดลงบ้างจากเดือนก่อน

ส่วนทางด้านสัดส่วนสินเชื่อต่อเงินฝากรวมตั๋วแลกเงิน (บี/อี) ของระบบธนาคารพาณิชย์ เดือนม.ค.2558 อยู่ที่ 94.9% ลดลงจากเดือนก่อน จากยอดคงค้างสินเชื่อที่ลดลงตามปัจจัยฤดูกาล ขณะที่เงินฝากทรงตัว

สำหรับเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงของระบบธนาคารพาณิชย์ ณ เดือนม.ค.2558 ลดลงเล็กน้อยจากเดือนก่อนมาอยู่ที่ 16.81% โดยยังอยู่ในระดับที่สูงกว่าเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนดค่อนข้างมาก สะท้อนฐานะทางการเงินของระบบธนาคารพาณิชย์ที่ยังคงแข็งแกร่ง