ผู้ว่าฯสุราษฎร์สั่งสำรวจพื้นที่ภัยแล้ง

ผู้ว่าฯสุราษฎร์สั่งสำรวจพื้นที่ภัยแล้ง

ผู้ว่าฯสุราษฎร์ฯสั่งสำรวจพื้นที่ภัยแล้งเตรียมให้ความช่วยเหลือ เตือนประชาชนเฝ้าระวังอัคคีภัยพร้อมจัดทำแผนรับมือ 3 ระยะ

นายฉัตรป้อง ฉัตรภูติ ผู้ว่าราชการสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า หลายพื้นที่ของจังหวัดสุราษฎร์ธานีเริ่มประสบกับความแห้งแล้งแล้ว เนื่องจากปริมาณน้ำฝนน้อย ส่งผลให้ความแห้งแล้งขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แหล่งน้ำธรรมชาติหลายพื้นที่แห้งขอด และคาดว่าสถานการณ์ภัยแล้งจะขยายตัวเพิ่มขึ้นเป็นวงกว้าง เบื้องต้นทางจังหวัดได้ประสานให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดส่งรถน้ำออกแจกจ่ายน้ำแก่ประชาชน เพื่อเป็นการช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนในระยะแรกก่อน

พร้อมกับเร่งสำรวจพื้นที่ประสบภัยแล้งให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ ตลอดจนพื้นที่ประสบอัคคีภัยเพื่อที่จะได้ให้การช่วยเหลือประชาชนได้อย่างทันท่วงที และขอให้ประชาชนได้ใช้น้ำอย่างประหยัด คุ้มค่า และจัดเตรียมหาภาชนะเก็บกักน้ำ เพื่อสำรองน้ำไว้ใช้ โดยเฉพาะเกษตรกรที่ต้องใช้น้ำเพื่อการเกษตรในระยะนี้

นอกจากนี้ ผู้ว่าราชการสุราษฎร์ธานี ยังขอให้ประชาชนทุกพื้นที่ได้ระมัดระวังในเรื่องของการเกิดอัคคีภัยในระยะนี้ด้วย โดยเฉพาะการป้องกันปัญหาไฟป่า และอัคคีภัยที่เกิดจากการเผาหญ้าในพื้นที่เรือกสวนไร่นาของเกษตรกร ที่อาจจะลุกลามก่อให้เกิดความเสียหายเป็นวงกว้างได้

ทั้งนี้หลายพื้นที่ของ จ.สุราษฎร์ธานีทั้งสัตว์เลี้ยงและสัตว์ป่าเริ่มขาดแคลนอาหารอย่างหนัก โดยสัตว์ป่าจำนวนมากเริ่มทยอยลงหาแหล่งน้ำในเขตพื้นที่ชาวบ้านอาศัยบ้างแล้ว อาทิ วัวกระทิงในเขตอุทยานแห่งชาติเขาสก เป็นต้นรวมทั้งช้างป่าในเขตอุทยานแห่งชาติใต้ร่มเย็น ที่มีอยู่ประมาณ 50 ตัว หรือ 6-7 โขลง เริ่มทยอยออกหาอาหารและแหล่งน้ำตามเรือกสวนของชาวบ้าน

ขณะเดียวกันในส่วนของสำนักงานเกษตรจังหวัดสุราษฎร์ธานีได้มีการจัดทำแผนปฏิบัติการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยด้านการเกษตรระดับจังหวัด โดยจะมีการดำเนินการเป็น 3 ระยะ ได้แก่ ระยะก่อนเกิดภัย ขณะเกิดภัย และหลังเกิดภัย คือ 1.ระยะก่อนเกิดภัยได้สร้างความเข้าใจแก่เกษตรกรให้ช่วยกันใช่น้ำอย่างประหยัดคุ้มค่า 2.ขณะเกิดเกิดภัยแล้งได้แนะนำให้เกษตรกรดูแลพืชผลทางการเกษตรด้วยการหาใบไม้หรือวัสดุคลุมหน้าดิน ปลูกพืชที่ใช้น้ำน้อย

และ3.หลังเกิดภัยทางจังหวัดจะได้ประสานการช่วยเหลือไปยังกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในเรื่องการทำฝนเทียม ที่สำคัญเกษตรกรที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัย จะต้องร่วมกันวางแผนบริหารจัดการน้ำในระยะแรกก่อน และขอให้ช่วยกันใช้น้ำอย่างประหยัด คุ้มค่า มากที่สุด