ศาลฝากขัง'พ่อ-แม่ ท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์'

ศาลฝากขัง'พ่อ-แม่ ท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์'

ศาลไม่ให้ประกัน"พ่อ-แม่ ท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์"กลัวไปยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน หลบหนีออกนอกประเทศ ข้อหาความผิดร้ายแรง

พ.ต.อ.สุวัฒน์ แสงนุ่ม พนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิ กลุ่มงานสอบสวน บก.ป. ได้นำตัวนางวันทนีย์ สุวะดี อายุ 66 ปี และนายอภิรุธ สุวะดี อายุ 72 ปี สองสามีภรรยา ผู้ต้องหาคดีหมิ่นเบื้องสูง มายื่นคำร้องขอฝากขังศาลครั้งแรก เป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 27 ก.พ. – 10 มี.ค.นี้ โดยพนักงานสอบสวนเห็นว่า การกระทำของผู้ต้องหาก่อให้เกิดความเกรงกลัวต่อบุคคลอื่น และไปข่มขู่ ยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน ทำให้เป็นอุปสรรคต่อการรวบรวมพยานหลักฐาน จึงขออำนาจศาลฝากขังผู้ต้องหาทั้งสองไว้

ขณะที่พนักงานสอบสวน ได้ขอคัดค้านการให้ประกันตัวด้วย เนื่องจากคดีมีความร้ายแรง มีอัตราโทษสูง และเกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนีออกนอกราชอาณาจักร

โดยคำร้องบรรยายพฤติการณ์ สรุปว่า เมื่อวันที่ 16 ธ.ค. 46 ผู้ต้องหาทั้งสองซึ่งเป็นบิดา มารดาของท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์ สุวะดี ได้แอบอ้างสถาบันพระมหากษัตริย์ด้วยการข่มขู่ น.ส.ศวิตา หรือแสงระวี มณีจันทร์ กับครอบครัวให้เกิดความเกรงกลัว เนื่องจากผู้ต้องหาทั้งสองโกรธเคืองน.ส.ศวิตา ที่ได้ไปเที่ยวพูดกับบุคคลอื่นว่ารู้จักกับนายอภิรุธ ผู้ต้องหาที่ 2 จนทำให้เกิดข่าวลือว่า น.ส.ศวิตา กับนายอภิรุธมีความสัมพันธ์ฉันท์ชู้สาว ทั้งนี้ผู้ต้องหาทั้งสองต้องการให้ น.ส.ศวิตา ต้องโทษจำคุกเพื่อให้หลาบจำ ซึ่งการข่มขู่ของผู้ต้องหาทั้งสองทำให้บุคคลที่เกี่ยวข้องเกิดความเกรงกลัว จนมีการแจ้งความดำเนินคดี น.ส.ศวิตา ฐานฉ้อโกง ถึงแม้ น.ส.ศวิตาจะไม่ได้กระทำผิดก็ตาม แต่ด้วยความหวาดกลัวการข่มขู่ของผู้ต้องหาทั้งสอง จึงต้องรับสารภาพไม่กล้าโต้แย้ง เป็นเหตุให้ น.ส.ศวิตา ต้องถูกศาลพิพากษาจำคุก 24 เดือน และเมื่อจำคุกไปแล้ว 1ปี 6 เดือน จึงได้รับอภัยโทษ

การกระทำของผู้ต้องหาทั้งสองทำให้ น.ส.ศวิตา และครอบครัวได้รับความเดือดร้อน ไม่สามารถใช้ชีวิตตามปกติ เพราะเกรงจะได้รับอันตราย จนเวลาผ่านมา 10 ปีเศษ น.ส.ศวิตา เห็นว่า ครอบครัวผู้ต้องหาทั้งสองถูกดำเนินคดีเกี่ยวกับการแอบอ้างสถาบันพระมหากษัตริย์ไปแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบหลายคดี จึงตัดสินใจเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน ดำเนินคดี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ประกอบมาตรา 83 ซึ่งเมื่อผู้ต้องหาทั้งสองเข้ามอบตัวแล้วให้การปฏิเสธ อ้างว่า ไม่มีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นตาม ที่ น.ส.ศวิตา เข้าร้องทุกข์ จากนั้นผู้ต้องหาก็ได้รับการปล่อยตัวไป

ทั้งนี้ศาลพิจารณาคำร้องและสอบถามผู้ต้องหาแล้วไม่คัดค้าน จึงอนุญาตให้ฝากขังได้

ต่อมาญาติได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เป็นเงินสดคนละ 1 ล้านบาทขอปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาทั้งสอง

โดยศาลพิเคราะห์แล้ว เห็นว่า ข้อหาความผิดมีความร้ายแรง แม้ผู้ต้องหาทั้งสองจะเข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อรับทราบข้อกล่าวหา แต่ปรากฏพยานหลักฐานที่พนักงานสอบสวนเสนอศาลเพียงพอมีเหตุอันควรเชื่อว่า หลังรับทราบข้อกล่าวหา ผู้ต้องหาเข้าไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน และมีพฤติการณ์จะหลบหนีออกนอกราชอาณาจักร ดังนั้นจึงมีเหตุอันควรไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว จึงให้ยกคำร้องของผู้ต้องหา

กระทั่งเวลา ประมาณ 17.00 น.เศษ เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ จึงนำตัวนายอภิรุธ ขึ้นรถไปควบคุมไว้ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ส่วนนางวันทนีย์ ถูกแยกไปควบคุมไว้ที่ทัณฑสถานหญิงกลางบางเขน