เจพีมอร์แกน เชส จ่อเลิกรับฝากเงินหน้าเคาน์เตอร์

เจพีมอร์แกน เชส จ่อเลิกรับฝากเงินหน้าเคาน์เตอร์

เจพีมอร์แกน เชส เตรียมบอกลาพนักงานรับฝากเงินหน้าเคาน์เตอร์ หันไปมุ่งเน้นบริการทำธุรกรรมผ่านตู้เอทีเอ็ม และทางออนไลน์แทน

คนในโลกปัจจุบัน เริ่มใช้สมาร์ทโฟนราวกับเป็นกระเป๋าเงินดิจิตอล การที่พวกเขาหันมาใช้โทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ และตู้เอทีเอ็ม ในการทำธุรกรรมทางการเงิน เพื่ออำนวยความสะดวก ซึ่งไม่เพียงแต่จะมีประสิทธิภาพมากขึ้นสำหรับผู้บริโภคเท่านั้น แต่ยังเอื้อประโยชน์อย่างมหาศาลให้กับธนาคารต่างๆ ด้วย 


ทั้งนี้ เจพีมอร์แกน เชส วาณิชธนกิจรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐ ได้ใช้ข้อมูลที่อ้างอิงจาก บีเอ อินเทลลิเจนซ์ หรือ ซอฟต์แวร์ที่นำข้อมูลมาวิเคราะห์ และทำนายนายผลลัพธ์ของแนวโน้มที่อาจเกิดขึ้นขององค์กร เพื่อใช้ในการวางแผนและกลยุทธ์ต่างๆ ซึ่งพบว่า การฝากเงินผ่านตู้เอทีเอ็ม เพิ่มจาก 10% เมื่อปี 2550 เป็น 48% เมื่อปีที่แล้ว ส่วนการฝากเงินโดยใช้โทรศัพท์มือถือ เพิ่มจาก 0% เป็น 10% ในช่วงเวลาเดียวกัน ขณะที่การฝากเงินหน้าเคาน์เตอร์กับพนักงานลดลงจาก 90% ในช่วง 7 ปีก่อน เหลือเพียง 42% เมื่อปีก่อน


นอกจากนี้ บริษัทยังพบว่า ค่าใช้จ่ายในการฝากเงินหน้าเคาน์เตอร์กับพนักงาน เฉลี่ยอยู่ที่ 0.65% แต่การฝากเงินผ่านตู้เอทีเอ็ม มีค่าใช้จ่ายเฉลี่ย 0.08 % ขณะที่การนำเทคโนโลยีสมัยใหม่ในการฝากเงินมาใช้กับสมาร์ทโฟน ได้ช่วยให้เสียค่าใช้จ่ายเพียง 0.03 ดอลลาร์ต่อครั้งเท่านั้น


ก่อนหน้านี้ มีรายงานว่า เจพีมอร์แกน เชส มีแผนจะปิดธนาคารสาขา 300 แห่งในอีก 2 ปีข้างหน้า โดยจะมุ่งเน้นให้บริการลูกค้าทางออนไลน์มากขึ้นเพื่อลดรายจ่าย และเป็นส่วนหนึ่งของแผนการลดรายจ่าย 1,400 ล้านดอลลาร์ หรือราว 46,200 ล้านบาท