ทียูเอฟ ตั้งเป้ายอดขายปีนี้ 5 พันล้านดอลลาร์

ทียูเอฟ ตั้งเป้ายอดขายปีนี้ 5 พันล้านดอลลาร์

TUF ตั้งเป้ายอดขายปีนี้ 5 พันล้านดอลลาร์ จากปีก่อนที่ทำได้ 3.7 พันล้านดอลลาร์ ระบุ ภาพรวมธุรกิจยังดีต่อเนื่อง

นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์ จำกัด (มหาชน)หรือ TUF เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าหมายยอดขายรวมของบริษัทฯประจำปี 58 อยู่ที่ 5 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยมีโอกาสจากการเจริญเติบโตที่มาจากภายในธุรกิจหลักของบริษัท และการมุ่งเน้นที่กลยุทธ์การรวมพลังเป็นหนึ่งเดียวของธุรกิจ

โดยภาพรวมธุรกิจของทียูเอฟในปี 58 ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง ธุรกิจมีแนวโน้มที่ดี โดยบริษัทจะตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าและผู้บริโภคในตลาดต่างๆทั่วโลก ด้วยการนำเสนอความหลากหลายของผลิตภัณฑ์คุณภาพระดับพรีเมี่ยม และบริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้นการสร้างผลตอบแทนการลงทุนอันโดดเด่นแก่ผู้ถือหุ้นและทียูเอฟ เพื่อสร้างการเติบโตให้ต่อเนื่องต่อไป

สำหรับผลประกอบการในปี 57 ยอดขายรวมของกลุ่มทียูเอฟ สูงสุดเป็นประวัติการณ์อยู่ที่ 121.4 พันล้านบาท เติบโต 7.6 เปอร์เซนต์ กำไรสุทธิประจำปีสูงสุดที่ 5.1 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 78.5 เปอร์เซนต์ จากเดิม 2.85 พันล้านบาทในปี 56 กำไรต่อหุ้นอยู่ที่ 1.099 บาท เพิ่มขึ้น 76.7 เปอร์เซนต์ ในปี 57 กำไรสุทธิก่อนหักดอกเบี้ยภาษีเงินได้และค่าเสื่อมเพิ่มขึ้น 39.8 เปอร์เซนต์ ในปี 57

ทั้งนี้ ในปี 57 มียอดขายรวมสูงสุด 121.4 พันล้านบาท หรือ 3.7 พันล้านเหรียญสหรัฐ ถือเป็นผลประกอบการดีที่สุดเท่าที่เคยมีมาอีกครั้ง โดยยอดขายสูงสุดเป็นผลมาจากการเข้ามาของเมอร์อไลอันซ์ และคิงออสการ์ ซึงทียูเอฟได้เข้าซื้อกิจการดังกล่าวตั้งแต่เดือนกันยายน 2557 นอกจากนี้ยังมีกำไรสุทธิประจำปีอยู่ที่ 5.1 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 78.5 เปอร์เซนต์เมื่อเทียบกับปีก่อน การขยายตัวของกำไรสุทธิเป็นผลมาจากการฟื้นตัวของรายได้ใน ทุกหน่วยธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในธุรกิจปลาทูน่า

สำหรับผลประกอบการไตรมาสสี่ มียอดขายเพิ่มขึ้น 7.7 เปอร์เซนต์ อันเป็นผลมาจากการดำเนินการในหลายมาตรการของบริษัทฯ ได้แก่ การริเริ่มกลยุทธ์ในธุรกิจผลิตภัณฑ์แบรนด์ การปรับปรุงผลิตภาพเพื่อความเป็นเลิศอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงผลบวกจากรายได้รวมที่เพิ่มขึ้นจากการเข้ามาของ เมอร์อไลอันซ์ และ คิงออสการ์ โดยทียูเอฟ มียอดขายประจำไตรมาสสูงสุดเป็นประวัติการณ์ด้วย ที่ 32.8 พันล้านบาทหรือที่ 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ เปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้าที่ 30.8 พันล้านบาท

นายธีรพงศ์ กล่าวว่า ถือเป็นอีกปีที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของทียูเอฟทั้งเรื่องกำไรสุทธิและ ยอดขายรวมสูงสุด ผลประกอบการปี 2557 บ่งชี้การเติบโตที่เพิ่มขึ้นอันเป็นผลมาจากหมวดหมู่แบรนด์ผลิตภัณฑ์ต่างๆ และประสิทธิภาพการจัดการด้านต้นทุน การดำเนินการเหล่านี้ยังคงเป็นสิ่งสำคัญควบคู่ไปกับการยกระดับการคัดสรร วัตถุดิบ การผสานร่วมกันทั้งด้านการผลิตและการตลาดกับบริษัทใหม่ที่ เข้ามาอย่าง เมอร์อไลอันซ์ และคิงออสการ์ ซึ่งคาดว่าจะเห็นผลในเวลาอีกไม่นาน ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเราที่จะขับ เคลื่อนผลการดำเนินงานและการเติบโตที่แข็งแกร่ง

ภาพรวมสัดส่วนรายได้ของ 6 กลุ่มธุรกิจแบ่งตามผลิตภัณฑ์หลักของทียูเอฟของปี 2557 มีผลงานโดดเด่นดังนี้ กลุ่มธุรกิจปลาทูน่ามีสัดส่วนรายได้เท่ากับ 44 เปอร์เซนต์ กลุ่มธุรกิจกุ้งและธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับกุ้ง 24 เปอร์เซนต์ กลุ่มธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง 7 เปอร์เซนต์ กลุ่มธุรกิจปลาซาร์ดีนและปลาแมคเคอเรล 5 เปอร์เซนต์ กลุ่มธุรกิจปลาแซลมอน 5 เปอร์เซนต์ และกลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์มูลค่าเพิ่มและผลิตภัณฑ์อื่นๆ 15 เปอร์เซนต์ ขณะที่สัดส่วนรายได้ของกลุ่มธุรกิจทียูเอฟ ประจำปี 2557 โดยแบ่งตามตลาดมีดังนี้ สหรัฐอเมริกา มีสัดส่วน 44 เปอร์เซนต์ ยุโรป 29 เปอร์เซนต์ ตลาดในประเทศ 7 เปอร์เซนต์ ญี่ปุ่น 7 เปอร์เซนต์ และตลาดอื่นๆ รวม 13 เปอร์เซนต์

บริษัทฯ มีผลกำไรที่โดดเด่นในกลุ่มธุรกิจปลาทูน่า นอกจากนี้ผลประกอบการที่น่าพอใจมาจากการเติบโตของกำไร สุทธิในธุรกิจปลาแซลมอน อันเป็นผลมาจากการรวมกิจการของเมอร์อไลอันซ์ และในกลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์มูลค่าเพิ่มและผลิตภัณฑ์อื่นๆ จากยอดขายที่เพิ่มขึ้นของล็อบสเตอร์ ซึ่งดำเนินงานโดยชิคเก้นออฟเดอะซี โฟรเซ่น ฟู้ด บริษัทในเครือในสหรัฐอเมริกา

ผลจากการดำเนินการที่โดดเด่นในปี 57 ทำให้ทียูเอฟ ได้ประกาศการจ่ายเงินปันผลประจำปี 57 ในอัตราหุ้นละ 0.55 บาท ซึ่งเป็นผลจากนโยบายการจ่ายเงินปันผลเกิน 50 เปอร์เซนต์ของกำไรสุทธิ และช่วยยืนยันเจตนารมย์อันแน่วแน่ของฝ่ายบริหารในการดำเนินนโยบายกระจายเงินปันผลที่แข็งแกร่ง

“หลังจากที่เรามุ่งเน้น การเติบโตด้วยการควบรวมกิจการในไตรมาสที่ผ่านมา ปีนี้เราจะให้ความสำคัญกับความเป็นเลิศในการปฏิบัติการ การผลักดันการเติบโตที่มาจากธุรกิจหลักของบริษัทฯ และการรวมเป็นหนึ่งเดียวเพื่อประสิทธิภาพสูงสุดในทุกหน่วย ธุรกิจของเรา” นายธีรพงศ์ กล่าว