ค่าการกลั่นพุ่งลุ้นโรงกลั่นฟื้น

ค่าการกลั่นพุ่งลุ้นโรงกลั่นฟื้น

"ไทยออยล์" เดินหน้าเพิ่มกำลังการกลั่น หลังค่าการกลั่นไตรมาสแรกปีนี้อยู่ที่ 7.8 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้นกว่า 34%

นายฉัตรฐาพงศ์ วังธนากร ผู้จัดการฝ่ายบริหารซัพพลายเชน บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP เปิดเผยว่า บริษัทเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของราคาน้ำมันดิบตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา และที่สำคัญราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลงมามากนี้ได้ส่งผลบวกต่อบริษัทในด้านของค่าการกลั่นที่เพิ่มขึ้น ซึ่ง ณ วันที่ 17 ก.พ. ที่ผ่านมา อยู่ที่ 7.8 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เทียบกับค่าเฉลี่ยปี 2557 อยู่ที่ 5.8 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นกว่า 34% เนื่องจากต้นทุนเชื้อเพลิงที่ใช้ในการกลั่นได้ปรับตัวลงกว่า 50% ตามทิศทางราคาน้ำมันดิบที่ลดลง

“ในขณะนี้บริษัทจะพยายามเพิ่มกำลังการกลั่นให้มากที่สุด เนื่องจากค่าการกลั่นที่อยู่ในระดับสูงส่งผลบวกต่อบริษัทค่อนข้างมาก โดยคาดว่ากำลังการกลั่นจะเพิ่มขึ้นเกินกว่า 100% ซึ่งเป็นระดับปกติของบริษัท จากปีก่อนที่กำลังการกลั่นอยู่ที่ 98% เนื่องจากบริษัทหยุดซ่อมบำรุงโรงกลั่น 46 วัน นอกจากนี้บริษัทได้ผลบวกจากส่วนลดของค่าธรรมเนียมซื้อขายส่วนเพิ่ม แต่อย่างไรก็ตามในขณะนี้บริษัทยังประเมินค่าการกลั่นเฉลี่ยทั้งปีไว้ใกล้เคียงกับปีก่อน เพราะช่วงในปีนี้น่าจะมีโรงกลั่นเกิดขึ้นใหม่อีก 7.96 แสนบาร์เรลต่อวัน แห่งจากจีนและตะวันออกกลาง ขณะที่ความการใช้น่าจะเพิ่มขึ้น 8 แสนบาร์เรลต่อวัน ทำให้บริษัทยังไม่มั่นใจว่าภาวะโอเวอร์ซัพพลายจะลดลงมากเพียงใด” นายฉัตรฐาพงศ์ กล่าว

ผลประกอบการในปีนี้ บริษัทหวังว่าจะมีกำไรจากสต็อกน้ำมัน หลังประเมินว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ ณ สิ้นปีนี้จะอยู่ที่ระดับ 60-70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จากราคาเฉลี่ย ณ เดือน ธ.ค. อยู่ที่ 60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เนื่องจากปริมาณการผลิตในตลาดเริ่มลดลง ซึ่งจะเห็นได้จากจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐที่ปิดไป 553 แห่ง ในช่วงเดือน ต.ค. 2557 ถึง เดือน ก.พ. 2558 ปัจจุบันมีอยู่ที่ทั้งสิ้น 1,056 แห่ง โดยขณะนี้ระดับการสต็อกน้ำมันของบริษัทเริ่มกลับมาเป็นปกติที่ 8.6 ล้านบาร์เรล จากเมื่อสิ้นปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 4-5 ล้านบาร์เรล เนื่องจากบริษัทต้องคุมสต็อกมากขึ้นตามภาวะในขณะนั้น

“ช่วงไตรมาส 4 ปี 2557 บริษัทขาดทุนจากสต็อกน้ำมันกว่า 10,000 ล้านบาท ส่วนในไตรมาส 1 ปีนี้ เชื่อว่าการขาดทุนจากสต็อกน้ำมันจะลดลงไปอย่างมาก หลังราคาน้ำมันเฉลี่ยเริ่มนิ่งที่ 50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล แต่อย่างไรก็ตามอาจจะมีผลขาดทุนจากราคาน้ำมันอยู่บ้างเล็กน้อย ส่วนในไตรมาส 2 คาดว่าราคาจะเริ่มกลับตัวขึ้นได้ และในไตรมาส 3 น่าจะฟื้นตัวอย่างชัดเจนเนื่องจากเป็นช่วงที่มีความต้องการใช้น้ำมันสูงสุด” นายฉัตรฐาพงศ์ กล่าว

ในส่วนของธุรกิจอะโรเมติกส์จะเน้นควบคุมการผลิตแบบเดือนต่อเดือน ตามทิศทางราคาในตลาดโลก เนื่องจากราคาในปัจจุบันทั้งของพาราไซลีนและเบนซินอยู่ในระดับต่ำ และคาดว่าจะยังไม่ฟื้นตัวขึ้น ซึ่งไตรมาส 1 ปีนี้บริษัทลดกำลังการผลิตไปแล้วประมาณ 20%

นายสุรชัย โฆษิตเสรีวงค์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานด้านบัญชีและการเงิน บริษัท บางจาก ปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ BCP เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่ากำไรจากธุรกิจโรงกลั่นปีนี้จะมากกว่าปีก่อน แม้ขั้นต้นบริษัทคาดว่าค่าการกลั่นเฉลี่ยในปีนี้ที่ 6 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้วยกำลังการผลิต 1-1.05 แสนบาร์เรลต่อวัน จากปีก่อนอยู่ที่ 7 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล กำลังการผลิต 8.6 หมื่นบาร์เรลต่อวัน แต่อย่างไรก็ตามค่าการกลั่นในปัจจุบันอยู่ที่กว่า 9 เหรียญต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 4 ปี 2557 ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 8 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ทำให้กำไรของธุรกิจโรงกลั่นในไตรมาส 1 ปีนี้ ดีกว่าที่บริษัทคาดการณ์ไว้ค่อนข้างมาก

“ราคาเฉลี่ยของค่าการกลั่นทั้งปีนี้อาจจะมากกว่าการคาดการณ์ที่ 6 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลได้ เพราะในไตรมาส 1 ที่ผ่านมาค่าการกลั่นปรับตัวขึ้นสูงกว่าที่บริษัทคาดไว้ และหากโรงกลั่นที่จะเกิดขึ้นใหม่ในปีนี้จากจีนและตะวันออกกลางไม่ได้เพิ่มขึ้นตามที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้ จะยิ่งเป็นผลบวกต่อค่าการกลั่นยิ่งขึ้น ซึ่งหากพิจารณาจากปีที่ผ่านมา ซึ่งคาดการณ์ไว้ว่าจะมีการผลิตเพิ่มขึ้นกว่า 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน แต่จริงๆ แล้วเพิ่มขึ้นเพียง 8 แสนบาร์เรลต่อวัน ขณะที่ปีนี้มีการคาดการณ์ว่าจะมีการผลิตเพิ่มขึ้น 1.9 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งบริษัทมองว่ามองกว่าที่ควรจะเป็น” นายสุรชัย กล่าว