เรื่องเล่าทะเลบัว

เรื่องเล่าทะเลบัว

สัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นช่วงที่มีฝนและพายุกรรโชกก่อนเปลี่ยนฤดูกาล ภาคอีสานโดนไปหลายจังหวัด

นครพนมโดนหนัก บ้านกระเจิง แต่ที่ผมสะดุดหูก็คือ มีเรือที่พานักท่องเที่ยวออกล่องทะเลบัวแดงที่ อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี ล่มไป 8 ลำ โชคดีที่ไม่ได้ออกไปกลางบึง ก็เลยนึกถึงเรื่องที่จะเล่านี้ขึ้นมาได้


ปีนี้ผมไปทะเลบัวแดงที่กุมภวาปีนี้มา 2 ครั้ง ครั้งแรกไปช่วงปีใหม่พอดี คนมหาศาล ล้นหลามมากๆ อย่างที่ผมเคยเขียนเล่าไปแล้วว่า ดูเหมือนปีนี้คนจะออกเที่ยวในช่วงเทศกาลปีใหม่มากกว่าทุกปีที่เคยมีมา เรือที่พาออกท่องทะเลบัวที่วิ่งรอบเล็ก แวะ 3 จุดถ่ายรูป 45 นาที 300 บาท ถ้ารอบใหญ่ใช้เวลาเป็นชั่วโมง 500 บาทนั้น ต้องขอร้องกันเลยว่าช่วงปีใหม่ขอให้งดรอบใหญ่ไปก่อน เพราะไม่อย่างนั้นจะมีคนรอเรือนานมากเกินไป ผมไปช่วงนั้นจะมัวพิรี้พิไรถ่ายรูปอยู่ก็ไม่ได้ ซ้ำมิตรสหายที่ไปด้วยกันอยากไปดูพระอาทิตย์ขึ้นกลางบึง ซึ่งแสงมันห่วยแตกสำหรับการถ่ายรูปกลางแจ้งมากๆ ก็เลยต้องรอให้เทศกาลผ่านก่อน แล้วช่วงปลายเดือนมกราคมจึงได้ไปเยือนทะเลบัวแดงอีกครั้ง


ต้องชมเรื่องป้ายบอกทางว่าที่นี่ทำได้ดีมาก ติดป้ายบอกทุกแยก ทุกทาง ซ้ำบอกระยะทางด้วย ใครไม่เคยไปก็ไม่หลง ที่อื่นๆ ควรเอาอย่าง อย่าละเลยเรื่องป้ายบอกทาง ที่นี่เรียกว่ายังฮิตไม่สร่างขนาดผมไปปลายเดือนมกราคม ซ้ำเป็นวันธรรมดา คนก็ยังหนาตา แต่ไม่ได้มากมายจนเกินไป คราวนี้ผมตั้งใจออกท่องทะเลบัวสายๆ ลงเรือ แปดโมงเศษ และแล่นวงรอบใหญ่ให้คุ้มไปเลย วงรอบใหญ่เขาจะแล่นไปถึงสำนักสงฆ์กลางน้ำ ซึ่งภายในเวลา 4 ปีที่ผมไปเห็นครั้งแรก ต้องบอกว่าเจริญขึ้นมาก บรรดาดอกบัวก็ยังคงสะพรั่ง สวยงาม แดดออกสมใจ เสียแต่ว่าฟ้าไม่ใสเท่าช่วงพฤศจิกายน ไปเที่ยวนี้ไม่เร่งรีบ เอ้อระเหยได้สบายๆ เลยได้มีโอกาสคุยกับลุงคนขับเรือในบรรยากาศสบายๆ


ลุงแกเป็นคนบ้านเดียม ท่าเรือหลักที่ลงเรือกันมานี่แหละ แต่ก่อนก็ทำนา พอนาเสร็จก็มาลงเรือออกจับปลาในหนองหานแห่งนี้ แกว่าแกเป็นคนรุ่นแรกๆ ที่พานักท่องเที่ยวออกเที่ยวหนองหาน ทะเลบัวแดง เพิ่งจะมาบูมเอามากๆ ก็หลังจากที่ลงปก อสท.เมื่อ 3-4 ปี ที่แล้วนั่นเอง จากนั้นคนก็เริ่มมา จากเรือหาปลาลำเล็กๆ ก็มีกองทุนอะไรสักอย่างที่ผมขี้เกียจจำชื่อมาออกทุนเปลี่ยนเป็นเรือท้องแบนอย่างในปัจจุบัน ราคา 30,000 บาท ผ่อนชำระแบบถูกๆ ราคาค่าเช่าเรือนั้นถูกหักให้ อบต.ไปนิดหน่อย


คนเริ่มมากันมากจนกระทั่งที่บ้านแชแลและบ้านเชียงแหล ต้องออกมาตั้งท่าเรือเพิ่มอีก 2 ท่า และแกก็บอกเหมือนผมว่าปีใหม่ 58 นี่แหละที่คนเยอะที่สุด ปีนี้เพิ่งมาวิ่งเดือนธันวาคมมานี่เอง จนถึงปลายเดือนมกราที่เจอผม แกเก็บเงินได้ 80,000 บาทแล้ว ผมถามว่าแต่ก่อนทำนา-จับปลา เคยมีรายได้ดีเท่านี้ไหม แกบอกไม่เคย ผมเลยบอกว่านี่แหละคือมรรคผลของการท่องเที่ยว ลุงอยู่ที่บ้าน มีคนเอาเงินมาให้ โดยไม่ต้องอพยพไปขายแรงงานที่ไหน หน้าที่ของพวกลุงๆ ก็คือ ช่วยกันดูแล รักษาสภาพของหนองหาน ทะเลบัวแดงแห่งนี้ไว้ให้ดีให้มีสภาพเหมือนเดิม


คนเขามาเที่ยว เพราะเขาอยากเห็นสภาพแบบนี้ ถ้า อบต.หรือชุมชนเห็นแก่ได้ พัฒนาสร้างนั้นสร้างนี่จนทะเลบัวแดงที่นักท่องเที่ยวเขาเคยเห็นภาพนั้นเปลี่ยนไป ที่ไหนที่ไม่สวย หรือโทรม นักท่องเที่ยวเขาก็เปลี่ยนไปที่อื่น แต่พวกชาวบ้าน ลุงๆ นี่แหละที่ต้องอยู่ที่นี่ อยู่กับทรัพยากรที่มันโทรมลง หรือถ้าสมมติว่า อบต.จะสร้างสะพานเดินไปกลางบึง แล้วเก็บเงินค่าเข้าสะพาน ชาวบ้านอย่างลุงจะไม่ได้อะไร


พร้อมทั้งเล่าว่า ก่อนหน้านี้ผมเข้าไปที่บึงบัวแดงที่ ต.ไผ่สีทอง อ. เมือง หนองคาย ที่มีบัวแดงเหมือนกัน แต่ไม่กว้างเท่าหนองหาน เขาเลยเรียกบึงบัวแดง นักท่องเที่ยวเริ่มจะรู้จักบ้างแล้ว ปรากฏว่าปีนี้ไม่มีคนไปเลยเพราะมีการลุดลอกบึง เครื่องจักรโกยเหง้าบัวขึ้นมาจนเกลี้ยง ไม่มีบัวแม้แต่ดอกเดียว ปีนี้นักท่องเที่ยวจึงไม่เข้ามาสักคน ผมยกตัวอย่างของคลองนาคาที่ระนองที่มีดอกพลับพลึงธาร นั่นก็ถูกขุดลอกคลอง แล้วหวังว่าจะปลูกมันขึ้นมาได้ ปรากฏว่าผ่านไปเกือบสิบปีแล้ว ที่คลองนาคายังไม่มีดอกพลับพลึงธารเช่นแต่ก่อนอีกเลย ผมเลยยกตัวอย่างบึงบัวที่สามร้อยยอด ประจวบฯ ที่บัวตายเพราะสภาพแวดล้อม หรือบึงบอระเพ็ด นครสวรรค์ ที่มีการขุดลอกบึงเหมือนกัน ล่วงมาเป็นสิบๆ ปี ทุกวันนี้ทั้งสองแห่งไม่มีดอกบัวบานสะพรั่งเช่นอดีตเช่นกัน นั่นเป็นเพราะชาวบ้านเฉยจนเกินไป


ดังนั้น ชาวบ้านเองต้องช่วยกันรักษาทรัพยากรในท้องถิ่นตัวเองให้ดี ให้รู้จักการลุกขึ้นมาปกป้องสิทธิของตัวเอง อย่าไปยอมคณะบริหารงานท้องถิ่นให้มากนัก ส่วนใหญ่พวกนี้จะถนัดงานก่อสร้างหรือจัดซื้อจัดจ้าง ส่วนเป็นเพราะอะไรถึงชอบงานแบบนี้ก็ไม่รู้ได้ ใครรู้บอกผมที การก่อสร้างที่ทำลายทรัพยากรในชุมชนนั้น จะเป็นการทำลายอาชีพชาวบ้านโดยไม่รู้ตัว


หลังจากนี้จะมีการเพิ่มเรือขึ้นอีก 150 ลำ จากเดิมที่มีอยู่แล้วเป็นร้อยๆ ลำ เห็นว่าเพื่อแก้ปัญหาความต้องการของนักท่องเที่ยวในช่วงเทศกาล ซึ่งก็ไม่รู้ว่าแล้วปีหนึ่งบัวมันบานแค่ 4 เดือน แล้วคนจะมากแค่ช่วง 5 ธันวา ปีใหม่และตรุษจีนเท่านั้น แล้ววันหนึ่งคนจะมาแค่ก่อนเที่ยงในช่วงที่บัวยังบาน นอกนั้นคนก็จะซา เรือเหล่านี้จะได้ออกวิ่งไม่ครบลำ แล้วตามประสบการณ์ผมที่อยู่ในสายท่องเที่ยวมาเป็นสิบๆ ปี แหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ จะบูมแบบเป็นบ้าเป็นหลังไม่กี่ปีก็จะค่อยๆ ซาลง อันไหนที่คุณภาพยังดีอยู่ก็จะพออยู่ได้ แต่จะไม่บูมเท่าเดิม แต่อันไหนที่ไม่ดีจริง บูมเพราะกระแส หรือการโฆษณา ก็จะล้มหายตายจากไป

“วันนี้ได้คณะคุณนี่ก็คงพอแล้วละครับ เพราะนักท่องเที่ยวไม่มาก...” ลุงแกเปรยก่อนพาพวกผมกลับเข้าฝั่ง


คงต้องให้ประสบการณ์สอนชาวบ้านเอาเองว่าอันไหนควรให้ความร่วมมือ อันไหนควรลุกขึ้นมาปกป้องสิทธิของตัวเอง ไม่ใช่ผู้ใหญ่บ้าน-กำนัน- อบต.ว่าอย่างไรก็เออออไปหมด


ยุคปฏิรูป พลเมืองก็ต้องปฏิรูปด้วยเช่นกัน...