ซีอีโอ'บางจาก' ลั่นลุยสร้างธุรกิจครบวงจร

ซีอีโอ'บางจาก' ลั่นลุยสร้างธุรกิจครบวงจร

"ชัยวัฒน์"เผยพร้อมเดินหน้าแผนยุทธศาสตร์บางจาก ปั้นเป็นธุรกิจข้ามชาติครบวงจร เตรียมงบ 9 หมื่นล้านลงทุนทั้งใน-ต่างประเทศ

 เผยเจรจาลงทุนแหล่งแร่ริเทียมในสหรัฐฯ ขณะหั่นรายจ่าย 10% รับราคาน้ำมันช่วงขาลง

บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด(มหาชน) เปิดตัวผู้บริหารชุดใหม่ ยังเดินหน้าแผนยุทธศาสตร์เดิมในการก้าวสู่ธุรกิจข้ามชาติอย่างครบวงจร ทั้งธุรกิจโรงกลั่น ธุรกิจน้ำมัน และธุรกิจพลังงานทดแทน


ทั้งนี้ ยุทธศาสตร์การลงทุนของบางจากไม่มีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม แม้ว่าธุรกิจพลังงานทั่วโลกลดการลงทุน และ บริษัทปตท.จำกัด(มหาชน) เตรียมขายหุ้น 12% ในบางจาก โดยคาดว่าจะได้ข้อสรุปในไตรมาสแรกปีนี้


นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช กรรมการผู้จัดการใหญ่ คนใหม่ของบริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด(มหาชน) กล่าวว่าบางจากตั้งงบลงทุนระยะ 6 ปี (2558-2562) จำนวน 9 หมื่นล้านบาท สำหรับลงทุนในประเทศและต่างประเทศ เพื่อให้บางจากเป็นธุรกิจข้ามชาติอย่างครบวงจร ทั้งธุรกิจโรงกลั่น ธุรกิจน้ำมัน ธุรกิจพลังงานทดแทน และธุรกิจต้นน้ำ อาทิ การลงทุนแหล่งปิโตรเลียมในต่างประเทศ


"เร็วๆ นี้ เตรียมพิจารณาลงทุนธุรกิจแหล่งแร่ริเทียม ที่สหรัฐฯ เพื่อพัฒนาธุรกิจแบตเตอรี่ในอนาคต"
นายชัยวัฒน์ คาดว่าในปี 2558 บางจากจะมีกำไรก่อนหักภาษี ดอกเบี้ยและค่าเสื่อม(EBITDA) ไม่ต่ำกว่า 10,400 ล้านบาท และเพิ่มเป็น 25,000 ล้านบาทในปี 2563


พร้อมยื่นขอสัมปทานรอบ21
นายชัยวัฒน์ กล่าวว่าจากยุทธศาสตร์ดังกล่าวบางจากยังคงสนใจยื่นขอสิทธิ สำรวจ การเปิดสัมปทานปิโตรเลียมรอบที่ 21 แต่คงต้องรอความชัดเจนจากทางภาครัฐว่าจะสามารถเปิดตามกำหนดได้หรือไม่ โดยบางจากศึกษาสำรวจแปลงสัมปทานไว้ 1-2 แปลง ในพื้นที่บริเวณอ่าวไทย เนื่องจากเชื่อว่าศักยภาพแหล่งสัมปทานในอ่าวไทยยังมีน้ำมันค่อนข้างมาก


สำหรับแหล่งเงินลงทุนธุรกิจขุดเจาะสำรวจดังกล่าวจะถูกรวมอยู่ในงบลงทุนธุรกิจใหม่ของบางจากในระยะ 5 ปี (ปี2558-2563) ที่ 9 หมื่นล้านบาท ซึ่งหากบางจากได้รับอนุมัติสัมปทาน คาดว่าในระยะแรกคงใช้เงินลงทุนไม่มาก เพราะคงต้องใช้ระยะเวลา 6-7 ปีกว่าจะเริ่มผลิต


ศึกษาลงทุนแห่งสัมปทานในอาเซียน
อย่างไรก็ตามนอกจากบางจากจะสนใจลงทุนสัมปทานปิโตรเลียมในไทยแล้ว ยังศึกษาเพื่อลงทุนแหล่งสัมปทานในต่างประเทศด้วย อาทิ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และมาเลเซีย เพราะต้องการกระจายความเสี่ยงและขยายลงทุนในธุรกิจต้นน้ำมากขึ้น ปัจจุบันรายได้หลักจะมาจากธุรกิจโรงกลั่นเป็นหลัก


"นักลงทุนก็สอบถามบางจากบ้าง แต่ก็ไม่ได้กังวลเพราะบางจากแจ้งว่า หากเปิดสัมปทานรอบ 21 บางขาก็ยื่น แต่หากเปิดไม่ได้ตามกำหนด บางจากก็สนใจลงทุนในต่างประเทศเช่นกัน ขณะเดียวกันธุรกิจขุดเจาะก็ไม่ใช้ธุรกิจหลักของบางจากด้วย ดังนั้นจึงไม่ได้กังวลมากนัก อย่างไรก็ตามบางจากต้องการมีน้ำมันดิบ 20% ของกำลังการผลิตในปี2563" นายชัยวัฒน์ กล่าว


หั่นรายจ่าย10%รับน้ำมันขาลง
นายชัยวัฒน์ กล่าวว่าบางจากปรับแผนรับมือราคาน้ำมันที่ทรงตัวระดับต่ำไว้แล้ว โดยลดค่าใช้จ่ายลงประมาณ 10% ของงบใช้จ่ายปกติ พร้อมกันนี้ได้ตั้งประเมินราคาน้ำมันขั้นต่ำสุดไว้ที่ 53 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งหากต่ำกว่า 53 ดอลลาร์/บาร์เรล จะมีผลให้บางจากฯขาดทุนสต็อกน้ำมัน
"แต่ขณะนี้ราคาน้ำมันโลกสูงกว่าอัตราดังกล่าวและมีแนวโน้มจะสูงขึ้นแล้ว"


บางจากประเมินว่าในปี 2558 ราคาน้ำมันดิบดูไบในตลาดโลกจะทรงตัวที่ 55-60 ดอลลาร์/บาร์เรล และปลายปี 2558 มีแนวโน้มจะปรับเพิ่มขึ้นมากกว่า 60 ดอลลาร์/บาร์เรล เล็กน้อย


ราคาหุ้นบางจาก (BCP) ปิดตลาดวานนี้ (24 ก.พ.) เพิ่มขึ้น 0.75 บาท หรือ 2.38% อยู่ที่ 32.25 บาท มูลค่าการซื้อขาย 101.09 ล้านบาท


ค้านแผนยกเลิกโซฮอล์91
นายชัยวัฒน์ กล่าวอีกว่ากรณีที่กระทรวงพลังงานมีแนวทางจะยกเลิกการจำหน่ายการจำหน่ายน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 หรือแก๊สโซฮอล์ 95 เพื่อลดชนิดน้ำมันในปั๊มลงนั้น บางจากฯได้เข้าหารือกับผู้บริหารกระทรวงพลังงานเพื่อเสนอแนวทางให้จำกัดชนิดน้ำมันในปั๊ม โดยไม่จำเป็นต้องยกเลิกจำหน่ายน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 ด้วยการระบุให้แต่ละปั๊มจำหน่ายน้ำมันไม่เกิน 5 ชนิด และให้ผู้จำหน่ายมีสิทธิ์พิจารณาเองว่าจะเลือกจำหน่ายชนิดใด


ทั้งนี้จะช่วยบรรลุวัตถุประสงค์ของกระทรวงพลังงานที่ต้องการให้ลดชนิดของน้ำมันลง เพื่อจะช่วยผู้บริโภคเกิดความสะดวกในการเลือกเติมน้ำมัน และลดต้นทุนของปั๊มน้ำมันลงด้วย อย่างไรก็ตามเห็นว่าภาครัฐยังไม่ควรยกเลิกจำหน่ายแก๊สโซฮอล์ 91 เนื่องจากเป็นน้ำมันที่ผู้บริโภคใช้จำนวนมาก และเกษตรกรใช้แก๊สโซฮอล์ 91 เป็นส่วนใหญ่ในเครื่องยนต์เพื่อการเกษตร


"คงต้องรอให้กระทรวงพลังงานตัดสินใจอีกครั้งว่าจะดำเนินการอย่างไร โดยหากยกเลิกแก๊สโซฮอล์ 91 จริง บางจากต้องปรับตัวหันไปจำหน่ายน้ำมันชนิดอื่นแทน"


ส.อ.ท.คาดน้ำมันโลกครึ่งปีหลัง60-70ดอลลาร์
นายสุกฤตย์ สุรบถโสภณ ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมโรงกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่าในปี 2558 ราคาน้ำมันดิบ ดูไบ น่าจะมีราคาอยู่ในช่วง 50 - 70 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งปรับลดลงอย่างมากจากปี 2557 ที่ราคาดูไบเฉลี่ย 97 ดอลลาร์/บาร์เรล
จากข้อมูลล่าสุดคาดว่าอุปสงค์น้ำมันดิบจะขยายตัวที่ระดับ 9 แสนบาร์เรลต่อวัน โดยมีความต้องการหลักจากเอเชีย สำหรับอุปทานคาดว่าจะเพิ่มขึ้นในระดับใกล้เคียงกับอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้น


ทั้งนี้ผู้ผลิตนอกกลุ่มโอเปกโดยเฉพาะ สหรัฐฯ ที่มีการผลิตน้ำมันดิบจากชั้นหินดินดาน (Shale Oil) ในขณะที่มีโรงกลั่นใหม่เพิ่มขึ้นทั้งจากตะวันออกกลางและภูมิภาคเอเชียราว 1.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน และคาดว่าจะมีโรงกลั่นเก่าปิดตัวลงกว่า 3 แสนบาร์เรลต่อวัน ทำให้กำลังการกลั่นสุทธิที่เพิ่มขึ้นใกล้เคียงกับความต้องการที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้คาดการณ์ว่าราคาน้ำมันดิบดูไบน่าจะทรงตัว อยู่ที่ระดับ 50-60 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรลในช่วงครึ่งปีแรก ขณะที่ค่าการกลั่นก็น่าจะทรงตัวอยู่ในระดับที่ดี


“มีความเป็นไปได้ที่ราคาน้ำมันดิบดูไบจะปรับเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังอยู่ที่ระดับ 60-70 ดอลลาร์/ต่อบาร์เรล ซึ่งเป็นผลมาจาก การชะลอการลงทุนของแหล่งผลิตน้ำมันดิบที่มีต้นทุนสูงและไม่คุ้มทุนที่ระดับราคาในปัจจุบัน จากทิศทางราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มสูงขึ้นในปัจจุบันทำให้ผู้ค้าน้ำมันทำการเช่าเรือเก็บน้ำมันลอยลำกลางทะเล เพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่องจนอยู่ที่ระดับ 60 ล้านบาร์เรลในเดือนม.ค.” นายสุกฤตย์ กล่าว


คาดอุตฯน้ำมันปีนี้ฟื้นตัว
ผลกระทบกับอุตสาหกรรมการกลั่นน้ำมันในประเทศ คาดว่าปีนี้อุตสาหกรรมการกลั่นน้ำมันในประเทศ น่าจะปรับตัวดีขึ้น จากการคาดการณ์เศรษฐกิจที่เติบโตสูงขึ้น อุปสงค์น้ำมันสำเร็จรูปจะเพิ่มมากขึ้นจากราคาที่ปรับตัวลดลง อีกทั้งราคาน้ำมันดิบที่คาดว่าจะสูงขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังซึ่งจะทำให้มีกำไรจากสต็อกน้ำมัน
นายสุกฤตย์ กล่าวว่า การที่ราคาน้ำมันดิบลดลง ทำให้ใช้เงินทุนหมุนเวียนน้อยลงช่วยลดค่าใช้จ่ายทางการเงิน ประกอบกับค่าการกลั่นที่คาดว่าจะดีขึ้น จากการที่ราคาน้ำมันสำเร็จรูปในตลาดภูมิภาคปรับตัวลงช้ากว่าการปรับลดลงของราคาน้ำมันดิบ ตลอดจนการฟื้นตัวดีขึ้นของเศรษฐกิจในภูมิภาค โดยปัจจัยที่ต้องจับตามองในปี 2558 คือการปฏิรูปพลังงาน ที่มีวัตถุประสงค์ให้ราคาพลังงานสะท้อนต้นทุนที่แท้จริง ซึ่งอาจจะมีผลกระทบต่อปริมาณความต้องการน้ำมันสำเร็จรูปชนิดต่างๆ ภายในประเทศอย่างมีนัยสำคัญ