เอสซีฯปั้นแบรนด์‘เพฟ’ลุยบ้านราคา3-5ล้าน

เอสซีฯปั้นแบรนด์‘เพฟ’ลุยบ้านราคา3-5ล้าน

เอสซี แอสเสท กางแผน 5 ปี ดันรายได้แตะ 2 หมื่นล. เดินหน้าเปิด 7 โครงการ มูลค่า 1.4 หมื่นล. ขยายเซ็กเม้นท์บ้านราคา 3-5 ล้านครั้งแรก

นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซี แอสเสท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงแผนธุรกิจ 5 ปี (2558-2562) ว่า ตั้งเป้าหมายรายได้ 2 หมื่นล้านบาท เติบโตเฉลี่ย 10% ต่อปี โดยจะมีสัดส่วนการลงทุนอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย 95-97% และอสังหาริมทรัพย์เพื่อเช่า 3% ซึ่งเน้นการพัฒนาโครงการแนวราบ 60- 65% โครงการแนวสูง 35-40%

บริษัทวางยุทธศาสตร์ลงทุนเชิงรุก ด้วยการขยายตลาดกลุ่มระดับราคาใหม่ๆ โดยเฉพาะบ้านราคา 3-5 ล้านบาท ภายใต้แบรนด์ใหม่ “เพฟ” นับเป็นการเข้าไปทำตลาดครั้งแรกของเอสซีฯ เพราะมองว่าเป็นตลาดใหญ่ สัดส่วน 1 ใน 3 ของตลาดบ้านทุกระดับราคา ขณะเดียวกัน มุ่งบริหารจัดการต้นทุนให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ผ่านการใช้เทคโนโลยีพรีคาส รวมทั้งรักษาสินค้าและบริการให้อยู่ในระดับพรีเมี่ยม พัฒนาบุคลากรและสร้างนวัตกรรมใหม่ รองรับการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

ในปี 2558 บริษัทวางแผนเปิด 7 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 1.4 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นบ้านเดี่ยวพรีเมียม 4 โครงการ มูลค่า 6,000 ล้านบาทคอนโดมิเนียม 3 โครงการ มูลค่า 7,600 ล้านบาท ปัจจุบันบริษัทมีโครงการเหลือขาย 32 โครงการ มูลค่าคงเหลือขายรวม 2.29 หมื่นล้านบาท

ช่วงครึ่งปีแรก มีแผนเปิดตัวคอนโด 2 โครงการ มูลค่า 5,850 ล้านบาท ได้แก่ โครงการกรานาดา ปิ่นเก้า เพชรเกษม มูลค่า 2,150 ล้านบาท ราคา 50-140 ล้านบาท โครงการศาลาแดง วัน ราคาเริ่มต้น 2.8 แสนบาทต่อตร.ม. หรือ 13 -140 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 3,700 ล้านบาท กำหนดเปิดขายเดือนพ.ค. นี้

สำหรับครึ่งปีหลัง จะรุกตลาดบ้านระดับราคา 3-5 ล้านบาท นำร่องโครงการแรกย่านรังสิต-คลองสี่ บนพื้นที่ 80 ไร่ จำนวน 320 ยูนิต มูลค่า 1,400 ล้านบาท ตั้งเป้ารายได้ 10-15% หรือ 1,500-2,000 ล้านบาท ของพอร์ตแนวราบทั้งหมดใน 5 ปีข้างหน้า นอกจากนี้มีแผนพัฒนาสำนักงานให้เช่าเพิ่ม 1 แห่ง มูลค่าลงทุน 1,000 ล้านบาท คาดแล้วเสร็จปลายปี 2559

“แนวโน้มอสังหาฯ ปีนี้ คาดเติบโต 5-10% โดยเซ็กเม้นท์ที่เติบโตจะเป็นบ้านเดี่ยวและคอนโดราคาตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป คาดเติบโตถึง 10% เพราะผู้ประกอบการหันมาเปิดโครงการในตลาดนี้มากขึ้น เพื่อเลี่ยงปัญหาหนี้ครัวเรือน ส่งผลกระทบต่อยอดการขายและการโอนกรรมสิทธิ์”

บริษัทยังได้จัดสรรงบซื้อที่ดิน 5,200 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนใช้งบซื้อที่ดินไป 4,800 ล้านบาท โดยที่ดินที่ซื้อในปีนี้รองรับการพัฒนาโครงการปี 2560 เร็วๆ นี้ บริษัทจะปิดดีลซื้อที่ดิน 2 แปลงในกรุงเทพฯ ส่วนการก่อสร้างโครงการปีนี้จัดสรรงบไว้ 7,800 ล้านบาท

ในปีนี้ บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 10% จากปีก่อน โดยมียอดขายรอโอน (Backlog) สิ้นปี 2557 ประมาณ 8,800 ล้านบาท ซึ่งจะรับรู้เข้ามาเป็นรายได้ในปีนี้ 44% หรือ 4,000 ล้านบาท ตั้งเป้ายอดขาย 1.3 หมื่นล้านบาท เติบโต 52%