ล่องเรือ..ชมสวนเลียบคลอง'มหาสวัสดิ์'

ล่องเรือ..ชมสวนเลียบคลอง'มหาสวัสดิ์'

กรมส่งเสริมการเกษตรพัฒนาย่านคลองมหาสวัสดิ์ ต้อนรับปีแห่งการท่องเที่ยววิถีไทย

เมื่อช่วงต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา มีการจัดงาน “เทศกาลเที่ยวเมืองไทย” ณ สวนลุมพินี ใจกลางกรุงเทพมหานคร เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยว และเชิญชวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศให้มาเที่ยวเมืองไทยมากยิ่งขึ้น ควบคู่กันไปกับการส่งเสริมให้คนไทยออกเดินทางท่องเที่ยวในบ้านเราเอง เพื่อสัมผัสกับวิถีไทยต่างๆ อันจะเป็นผลให้คนไทยรักวัฒนธรรมไทย และภาคภูมิใจในความเป็นไทย

ขณะที่จังหวัดนครปฐมและกรมส่งเสริมการเกษตร จัดท่องเที่ยว ล่องเรือชมสวนเลียบคลองมหาสวัสดิ์ สัมผัสกับธรรมชาติและความเพลิดเพลินจากสองริมฝั่งคลอง ที่สะท้อนวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคนในชุมชนแบบดั้งเดิม รวมทั้งความสวยงามของการทำเกษตรกรรม เหมาะแก่การท่องเที่ยว

นายโอฬาร พิทักษ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า กิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงเกษตรมีความน่าสนใจในอีกรูปแบบของการท่องเที่ยวที่สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่จะส่งเสริมการท่องเที่ยว เรียนรู้วิถีชีวิตด้านการเกษตรต่างๆ ในแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่มีความสอดคล้องกับปีการท่องเที่ยววิถีไทย ในปี 2558 ซึ่งกรมส่งเสริมการเกษตรได้กำหนดให้การท่องเที่ยวเชิงเกษตรเป็นนโยบายสำคัญในการดำเนินงานเพื่อเพิ่มรายได้และขยายโอกาสให้แก่ประชาชนในภาคเกษตร ซึ่งเป็นการสร้างช่องทางตลาดให้กับชุมชน ซึ่งก่อให้เกิดรายได้โดยตรงจากการจำหน่ายสินค้าเป็นการสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจให้กับเกษตรกรและชุมชนได้เป็นอย่างดี

แหล่งท่องเที่ยวคลองมหาสวัสดิ์ มีด้วยกัน 4 โซนที่น่าสนใจ โซนแรก คือ นาบัว จุดที่เรือจอดให้ชมคือจุดสาธิตการทำนาบัวของชุมชนมีเนื้อที่ประมาณ 20 ไร่ เมื่อเดินไปจนสุดคันคลองสิ่งที่มองเห็นก็คือนาบัวไกลสุดสายตามีดอกบัวที่บานอยู่เต็มท้องน้ำลักษณะเด่นคือเป็นบัวที่ไม่มีเมล็ดและมีสีขาวบริสุทธิ์ใกล้ๆกัน ยังมีบัวสัตตบงกชดอกใหญ่อวดกลีบสีชมพูสวยให้นักท่องเที่ยวยลโฉมพร้อมยังมีการสาธิตการตัดดอกบัว การพับกลีบดอกบัว ให้นักท่องเที่ยวได้เรียนรู้

พอมาถึงโซนที่สองที่เรือจะพาล่องไปสัมผัส คือ ศูนย์แปรรูปผลิตภัณฑ์กลุ่มแม่บ้านเกษตรกรมหาสวัสดิ์ ซึ่งผลิตภัณฑ์ขึ้นชื่อของที่นี่ คือข้าวตังที่ผลิตจากข้าวซ้อมมือ ข้าวไรซ์เบอรรี่ เมื่อมาถึงกลุ่มแม่บ้านก็มีการสาธิตการแปรรูปผลิตภัณฑ์ให้นักท่องเที่ยวได้ลิ้มลองรสชาติของข้าวตังหน้าต่างๆ แล้วยังสามาถทดลองทำด้วยตนเองได้


ส่วนโซนที่สาม เราจะล่องเรือกลับทางเก่าลัดเลาะผ่านสายน้ำไปยังสวนกล้วยไม้ นับว่าเป็นสวนขนาดใหญ่อีกแห่งหนึ่ง ที่นักท่องเที่ยวมาถึงจะได้รู้จักกล้วยไม้แต่ประเภทซึ่งล้วนเป็นไม้เศรษฐกิจของไทย เจ้าของสวนกล้วยไม้ อย่าง ลุงชุบ คชเวช ได้ให้ความรู้เกี่ยวกับพันธุ์กล้วยไม้ การปลูกและขยายพันธุ์กล้วยไม้ การผลิตกล้วยไม้เพื่อการส่งออก และหากต้องการต้นไหนพันธุ์ไหนกลับไปปลูกทางสวนก็มีจำหน่ายในราคาย่อมเยา

มาถึงโค้งสุดท้ายของการเดินทาง คือ ไร่นาสวนผสมของลุงบุญเลิศ ซึ่งมีพื้นที่จำนวนราว 40 ไร่ โดยการทำสวนผลไม้ในพื้นที่ด้านหน้า และใช้พื้นที่ด้านหลังเป็นนาข้าว สวนผลไม้ของลุงบุญเลิศ ไม่ได้มีเพียงผลไม้ที่ยกมาให้ชิมเท่านั้น ยังมีความสนุกตื่นเต้นในการเดินทาง อย่างการนั่งรถอีแต๋น โดยมีลุงบุญเลิศเป็นโซเฟอร์ขับรถอีแต๋น พาเราเข้าไปชมสวนจนถึงทุ่งนา ซึ่งบอกได้คำเดียวว่า มันสุดๆ จนต้องอยากกลับเที่ยวกันอีกรอบ

สำหรับการท่องเที่ยวเชิงเกษตรเป็นศูนย์การเรียนรู้ ถือเป็นการสร้างรายได้ให้แก่คนในชุมชนจากการจำหน่ายผลผลิตการเกษตร ผลิตภัณฑ์แปรรูป และค่าตอบแทนจาการให้บริการแก่นักท่องเที่ยว รวมทั้งให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสกับวิถีชีวิตตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง อีกทั้งยังเป็นการสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจให้กับชุมชนเกษตรได้เป็นอย่างดีไปพร้อมกันด้วย