คลิป'ทำตามป๊า'

ชายสูงวัย ผมสีขาว หน้ายิ้ม มาออกกำลังกายง่ายๆผ่านคลิปชุด “ทำตามป๊า” ทำเอาทั้งสูงวัยและหนุ่มสาวแชร์คลิปกันว่อน

ชาวโซเชียลคงจะเคยดูชายสูงวัย ผมสีขาว หน้ายิ้ม มาออกกำลังกายง่ายๆ ผ่านคลิปชุด “ทำตามป๊า” ที่สอนทั้งท่าออกกำลังกายบนเตียง ท่าแกว่งแขน วิธีกดจุด ลดความดัน ทำเอาทั้งสูงวัยและหนุ่มสาวแชร์คลิปต่อกันจนมียอดวิวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

กระแสรักษ์สุขภาพครั้งนี้มีเฟซบุ๊คเพจ “ไกลหมอ” เป็นศูนย์กลางคอยพูดคุยกับแฟนคลับ ซึ่ง ไว-ดวงจิต หว่อง ลูกสาวป๊าที่ทำงานด้านสื่อ ทำหน้าที่เป็นแอดมินด้วยตัวเอง และเป็นผู้อยู่เบื้องหลังในการดันป๊าตัวเองเป็นไอดอลให้กับคน (อยาก) เฮลธ์ตี้ด้วย

ก่อนที่ ป๊า หรือ “หว่อง ซุนซั้ง” วัย 82 คนนี้จะขยับแขนขาพร้อมโชว์อารมณ์ขันให้เห็นในคลิป เขาเคยมีน้ำหนักมากกว่านี้เป็นสิบกิโล และมีเรื่องในครอบครัวที่ทั้งป๊าและลูกสาวต้องเครียดอย่างมาก ต้องพึ่งทั้งหมอ ทั้งยาสารพัด แต่เวลานี้พ่อลูกและครอบครัวนี้สามารถบอกได้เต็มปากเลยว่า พวกเขามา “ไกลหมอ” มากๆ แล้ว

..................................

มรสุมครั้งใหญ่ของครอบครัวนี้ เกิดขึ้นเมื่อ 13 ปีที่แล้ว เมื่อแม่ (ไพรวัลย์ สีบุญเรือง ปัจจุบันอายุ 80 ปี) คนที่ป๊าและไวรักมากอยู่ในภาวะนอนแล้วไม่ตื่น เวลานั้นทุกคนตกใจมาก เพราะแม่เป็นโรคเส้นเลือดในสมองแตก โรคเดียวกับที่เคยคร่าชีวิตยาย แต่โชคดีที่ครอบครัวพาไปส่งโรงพยาบาลและเข้าห้องผ่าตัดได้ทัน

"การดูแลคนป่วย ไม่ได้เครียดแค่เรื่องเงิน แต่เครียดที่เห็นคนที่เรารักที่สุดเจ็บแล้วเราช่วยเหลือไม่ได้ ไม่รู้จะทำยังไงดี" ไวเล่าถึงเวลาที่เคยท้อจากอาการของแม่ที่ไม่ดีขึ้น

แม้จะเครียดแค่ไหน แต่ทั้งป๊า ไวและพี่สาวก็ตัดสินใจสู้ต่อ ด้วยพลังบวกในตัวพ่อที่เชื่อว่า “แม่ต้องหาย” ประกอบกับการเอาใจใส่ของลูก ก็ทำให้ครอบครัวนี้มีแรงฮึดช่วยกันประคับประคองดูแลแม่ต่อ

หลังจากนั้นครอบครัวนี้ก็ตั้งใจรักษาแม่มาเรื่อยๆ แต่มรสุมก็ยังไม่หมด เมื่อไว ซึ่งขณะนั้นอายุ 37 ปี ตรวจพบมะเร็งปากมดลูก ด้วยสถานการณ์ในครอบครัวที่ต้องคอยดูแลแม่ จึงตัดสินใจไม่บอกคนในครอบครัวจนกว่าจะแน่ใจว่า จะใช้ชีวิตแบบปกติได้ ไวต้องเข้มแข็ง คอยปรึกษาเพื่อนหลายคนที่เป็นหมอ และเอาตัวเองออกห่างจากคนหรือสถานการณ์เครียดๆ ให้ได้

“เราต้องเข้มแข็งขึ้นอย่างรวดเร็ว เพื่อพ่อแม่ด้วย เราต้องเลือกว่าจะทำตัวเป็นคนป่วย หรือจะคิดด้วยเหตุผล”

การเป็นมะเร็งทำให้ไวปรับเปลี่ยนชีวิตหลายอย่าง จากที่เคยกินช็อคโกแลตหรือไอศกรีมครั้งละมากๆ ก็หันมาระมัดระวังการกินมากขึ้น และที่สำคัญจากที่ไม่สนใจศาสตร์ใดๆ ในทางการแพทย์เลยก็หันมาศึกษาอย่างจริงจัง

ไวอ่านหนังสือมากมาย ศึกษา medical report หลายอย่างรวมไปถึงศาสตร์ทางเลือกอื่นๆ เพื่อเก็บข้อมูล และใช้นิสัยที่เรียกตัวเองว่าเหมือน “นาซี” คอยดูแลสุขภาพทั้งตัวเองและครอบครัว

"เราไม่คิดจะหนีหมอไปไหนเลย แต่มันเหมือนกับว่า พ่อแม่เรามีเวลาเหลืออยู่น้อย เราต้องการผลที่ดีที่สุด ทุกวิถีทาง เราเอาหมด การกินอะไรดี โภชนบำบัดอะไรดี การออกกำลังกาย หมอแมะดีมั้ย กดจุดดีมั้ย เราศึกษาทุกอย่างในโลกหล้า" ไวบอก

“ตอนนี้ก็รู้สึกว่า แม้ไม่มีอะไรแต่ก็ต้องพึ่งเขา (หมอ) อาจจะเป็นเพื่อนคุยกันได้ แต่ไม่ใช่เราอวดเก่งนะ” ป๊าเอ่ย และบอกว่า ทุกวันนี้ป๊าแค่ออกกำลังกายให้เป็นกิจวัตรก็ช่วยให้รู้สึกแข็งแรงขึ้นได้ เริ่มจากตื่นเช้าขึ้นมา ขยับแขนขาบนเตียงเป็นเวลา 15-20 นาทีเป็นอันดับแรก ทำอย่างนี้เป็นประจำมา 2 ปีกว่าก็เห็นผลด้วยน้ำหนักที่ลดลงและร่างกายที่กระฉับกระเฉงขึ้น

เห็นผลหรือไม่ ป๊าถึงกับเอา (อดีต) เสื้อตัวเก่งมาโชว์แล้วบอกว่า... มันเหมือนไม่ใช่ของเรา เมื่อก่อนใส่ไปได้ยังไงไม่รู้... ใหญ่อย่างนี้

ไวบอกว่า เมื่อก่อนป๊าจะไม่ค่อยดูแลสุขภาพตัวเอง (แต่ชอบดูแลคนอื่น) แม้จะไม่ดื่มเหล้าหรือสูบบุหรี่ แต่ป๊าก็มีนิสัยชอบเสียดายของกินเลยเก็บไว้ในตู้เย็นมากๆ ชอบกินอาหารไม่ดีต่อร่างกายพวกปาท่องโก๋ ไส้กรอกอีสาน มันฝรั่งทอดกรอบ... ทำให้เกิดเหตุการณ์อันเป็นสัญญาณเตือนหลายอย่างที่ไวต้องคอยสังเกตเอาเอง เช่น เคยหยุดรถกลางถนนเพราะขาชา ไม่เคยขึ้นชั้นสองของบ้านเพราะเข่าไม่ดี หรือแม้แต่ก้มลงใส่ถุงเท้าเองไม่ได้ ทั้งหมดนี้ ป๊าไม่เคยบอกลูกๆ เพราะไม่อยากให้ใครเป็นห่วง และป๊าเองก็สนใจดูแลภรรยาที่ป่วยมากกว่า

“ตอนนั้นป๊าตัวอ้วนมาก ไม่เคยดูแลตัวเอง เราก็เลยไปซื้อวิตามินมาให้ ป๊าบอก ไม่ได้หรอก สงสารลูกที่ต้องเสียเงิน เราก็บอก ถ้าสงสารจริง ป๊าต้องดูแลตัวเอง เพราะถ้าเป็นอะไรขึ้นมา เราต้องเลิกกับแฟนแล้วกลับมาดูแม่ พูดอยู่หลายปีมาก” ไวเล่า โดยเคล็ดลับของไวที่ทำให้ป๊าหันมาดูแลสุขภาพได้สำเร็จก็คือ การหาแรงจูงใจ (Motive)

Motive ของป๊าก็คือ อยากขับรถได้ ป๊าชอบขับรถเป็นชีวิตจิตใจ และ Motive อีกอย่างก็คือ อยากประหยัดเงิน ไวถึงขนาดเคยหักดิบพ่อด้วยการเอาของในตู้เย็นที่เก็บออกมาทิ้ง เพื่อให้ป๊าเข้าใจว่า ถ้ายิ่งเก็บ ก็จะยิ่งเสียดายเงิน

หลายอย่างที่ไวเคยคะยั้นคะยอให้เพื่อช่วยรักษาป๊า (ที่ปลายเหตุ) ก็หยุดทำ เช่น จากที่คอยกำชับให้พ่อกินยาลดความดัน ก็ให้หยุด

“เราบอกป๊า ไม่ต้อง! ถ้าความดันไม่เกิน 140 ไม่ต้องกิน ก็ให้เขาแกว่งแขน เปิดเพลงไปให้สมองหลั่งสารคลายเครียด ให้แกว่งช้า แขม่วพุง กำหนดลมหายใจ ห้านาทีผ่านไป วัดใหม่ จาก 138 เหลือ 118 ลดไป 20 จุด” ไวเล่าถึงวิธีลดความดันที่ให้ป๊าทำ

ตอนนี้ป๊าก็เลิกกินยาหมดแล้ว พร้อมสร้างสุขนิสัยใหม่ๆ ให้ตัวเองควบคู่ไปกับการดูแลแม่ หลังจากออกกำลังกายเสร็จในตอนเช้า กิจวัตรที่ป๊าต้องทำเป็นประจำอีกก็คือ ออกไปจ่ายตลาดด้วยตัวเอง เพื่อเลือกซื้อวัตถุดิบในการทำอาหารให้แม่ทั้งเช้า กลางวัน เย็น และต้องกลับมาให้ทันแม่ตื่นทุกวัน

"เราจะคิดว่า หม่าม๊าจะกินอะไรหนอ กินผักอะไร ก็ต้องซื้อมาต้ม เช่น แครอท บร็อคโคลี หอมใหญ่ ฟักทอง หั่น เอาไปต้ม แล้วปั่น ใส่ข้าวกล้องผงสัก 2 ช้อนปนลงไป เพราะถ้ามีแต่ผักมันก็เป็นแค่น้ำใสๆ เขากินก็อร่อย เมนูนี่ก็คิดเองหมด เปลี่ยนเรื่อยๆ กลัวเขาจะเบื่อ" ป๊าบอก

“ป๊าตื่นมา มีกิจวัตรชัดเจน เคลื่อนไหวตลอดเวลา ไม่เคยนอนง่อย เขามีกำลังใจในการใช้ชีวิต กำลังใจของป๊าก็คือ เขาจะต้องอยู่ช่วยเหลือแม่ ถ้าไม่มีเขา ใครจะทำกับข้าวให้แม่กิน แม่จะอยู่กับใคร” ไวเล่า

“ป๊าลดน้ำหนักแล้ว แม่เขาก็บอกไม่เห็นหล่อเลย แต่ลับหลังเขาบอก หล่อนะ” ป๊าบอกด้วยความภูมิใจ

ป๊าเองก็เน้นว่า เรื่องที่ป๊าทำเป็นเรื่องง่าย คือ ต้องออกกำลังกายและกินของที่มีประโยชน์ เป็นเรื่องที่ใครๆ ก็รู้ แต่ไม่ค่อยทำ

"สุขภาพเป็นเรื่องที่ถ้ายังไม่เสียไปก็ไม่ดูแล" ไวบอกอีกครั้ง วันนี้ไวไม่ได้เป็นมะเร็งแล้ว แต่ก็ยังมีเชื้ออยู่ในตัวที่สามารถกลับมาเป็นได้ทุกเมื่อถ้าเครียดหรือกินอาหารไม่ดี อย่างไรก็ตาม ไวยังยืนยันว่า เป็นคนสุขนิยม อยากทำหรือกินอะไรก็จะทำ เพียงแต่ต้องหันมาใส่ใจตัวเองมากขึ้น

ส่วนเหตุผลที่ทำเพจไกลหมอก็เพราะอยากให้คนเริ่มดูแลตัวเองตั้งแต่ตอนนี้เลย ก่อนที่จะเกิดปัญหา โดยเฉพาะคนหนุ่มสาวก็ต้องดูแลเช่นกัน เพราะร่างกายที่เราต้องใช้ไปอีกหลายสิบปีก็เป็นร่างกายเดิม ถ้าทำตัวให้ไกลหมอได้ตั้งแต่วันนี้ ก็ยิ่งดี

"ไกลหมอไม่ได้แปลว่า เกลียดหมอนะ หมอที่รักเรามีเยอะ แล้วเราก็รักเขา แต่เราชอบหมอที่บอกเราว่า ไม่ต้องรักษา ดูแลตัวเองไม่ดีกว่าเหรอมากกว่า” ไวย้ำ