'ต่อยอด' โมเดลทายาทพันธุ์ใหม่

'ต่อยอด' โมเดลทายาทพันธุ์ใหม่

ทายาทรุ่น 3"พลกฤษณ์ รัตนศิริวิไล” กับความคิดในการต่อยอดธุรกิจครอบครัวด้วยนวัตกรรมอะลูมิเนียมสำเร็จรูป

ทายาทรุ่น 3 ของกิจการด้านอะลูมิเนียม "พลกฤษณ์ รัตนศิริวิไล” กับความคิดในการต่อยอดธุรกิจครอบครัวให้ก้าวสู่ความท้าทายไปอีกขั้นหนึ่ง ด้วยนวัตกรรมอะลูมิเนียมสำเร็จรูปเพื่องานสถาปัตยกรรมภายนอก หลังจากตีโจทย์ความต้องการของธุรกิจรับก่อสร้างที่มองหาประตู รั้ว ราวกันตก ระแนงนิรภัย แผงบังตา กันสาด สำหรับที่พักอาศัยได้อย่างลงตัว

“ต่อไปอะลูมิเนียมสำเร็จรูปชนิดนี้จะกลายเป็นสินค้าสำคัญ ที่สร้างรายรับได้อย่างน่าสนใจ อีกทั้งบริษัทแม่ก็มีนโยบายสนับสนุนให้แตกออกมาเป็นบริษัทใหม่ในอีก 1-2 ปีข้างหน้า จากเดิมที่ตั้งเป็นแผนกอยู่ภายใต้บริษัท ไทยเม็ททอล จำกัด ประกอบกิจการผลิตอะลูมิเนียมเส้นครบวงจรมานาน 30 ปี" พลกฤษณ์กล่าว

กลยุทธ์ต่อยอด&ขยายผล

การ "รับไม้ต่อ" ในการบริหารกิจการของครอบครัวดูจะเป็นความท้าทายสำหรับทายาทในแต่ละรุ่น หลายครั้งไม่ประสบความสำเร็จ เพราะ เกิดช่องว่างทางทัศนคติ วิธีการบริหารงานระหว่างวัยต่างกัน แต่ ไม่ใช่ปัญหาสำหรับพลกฤษณ์ เพราะเขาเลือกที่จะแตกไลน์สร้างธุรกิจใหม่ จากธุรกิจเดิมของครอบครัวที่รับจ้างผลิตอะลูมิเนียมป้อนซัพพลายเออร์ทั้งในและต่างประเทศ

เขาเป็นหนุ่มไฟแรงที่ไม่หยุดนิ่งกับความคิดในการต่อยอดธุรกิจครอบครัวให้ก้าวสู่ความท้าทายไปอีกขั้นหนึ่ง โดยร่วมกับลูกพี่ลูกน้อง รับอาสาขยายฐานลูกค้าใหม่ให้กับธุรกิจครอบครัว และแตกไลน์การผลิตใหม่

“ผมไม่เคยหยุดคิด และมองว่าการทำนวัตกรรมสำคัญที่สุด ตราบใดที่มีองค์ความรู้เป็นของตัวเองย่อมมีโอกาสในการต่อยอดธุรกิจ”

วิสัยทัศน์ของพลกฤษณ์เป็นจุดเริ่มต้นของความท้าทายใหม่ และกลายเป็นทายาทต้นแบบที่ประสบความสำเร็จจากการสร้างธุรกิจใหม่ ซึ่งเป็นการต่อยอดและขยายผลทางธุรกิจที่ได้ผลลัพธ์รวดเร็ว และเพราะหัวใจสำคัญคือการคิดต่อยอด ซึ่งหลายคนอาจมองข้าม

นวัตกรรมอะลูมิเนียมสำเร็จรูปเพื่องานสถาปัตยกรรมภายนอกน้ำหนักเบา ออกแบบให้มีความสวยงามเชิงสถาปัตยกรรมควบคู่กับความปลอดภัย และมีความแข็งแรงทางด้านวิศวกรรม ภายใต้แบรนด์ "อัลเน็กซ์" บาย ไทยเม็ททอล โดยมีผู้เชี่ยวชาญร่วมคิดค้นตั้งแต่กระบวนการสรรหาและผสมวัตถุดิบอะลูมิเนียมอัลลอยด์ที่มีความแข็งแรงสูง เป้าหมายเพื่อสร้างความเชื่อมั่นถึงมาตรฐานการส่งออกต่างประเทศทั่วโลก

พลกฤษณ์ มองว่า อะลูมิเนียมสำเร็จรูปนี้จะเป็นนวัตกรรมที่สร้างจุดแตกต่างให้กับแบรนด์ จากเดิมที่คนส่วนใหญ่คุ้นเคยกับการใช้เหล็ก สแตนเลส ไม้ นวัตกรรมนี้จึงเป็นทางเลือกใหม่แก่ผู้บริโภคและถือเป็นเจ้าแรกในตลาด ฉะนั้น โอกาสความสำเร็จจึงมีความเป็นไปได้มาก

เปิดน่านน้ำใหม่สร้างรายได้

ปัจจุบันผลตอบรับจากของแบรนด์ "อัลเน็กซ์" เป็นไปตามเป้าหมาย กลุ่มลูกค้าหลัก คือเจ้าของงานโครงการ อาทิ เอสซีจีไฮม์ แสนสิริ พฤกษา ในรูปแบบการพัฒนาแบบร่วมกัน โดยในระยะแรกจะให้ความสำคัญกับลูกค้ารายย่อยคิดเป็นสัดส่วน 80% ที่เหลือ 20% เป็นงานโครงการ

คาดว่า 5 ปีต่อจากนี้สัดส่วนรายได้ส่วนใหญ่มาจากงานโครงการ 40% รองลงมาจะเป็นกลุ่มโฮมบิวเดอร์ 30% อีก 20% เป็นผลิตภัณฑ์ที่วางจำหน่ายในช่องทางโมเดิร์นเทรด ซึ่งอยู่ระหว่างการพัฒนา อาทิ กันสาดที่ขนาดเล็กที่สามรถติดตั้งได้ง่าย หรือรั้วกั้นบริเวณบ้าน ส่วนที่เหลือ 10% เป็นลูกค้ารายย่อย โดยทุกๆ ปีมีอัตราการเติบโต100%

นอกจากนี้ ชายหนุ่มยังอยู่ระหว่างเดินหน้าโครงการผลิตโรงจอดรถ ประตูรั้ว ราวกันตก ให้ลูกค้าของโฮมบิวเดอร์ต่างๆ อาทิ เครือซีคอนเพื่อเป็นทางเลือกให้กับคนสร้างบ้าน พร้อมกับเป็นการสร้างการรับรู้ให้กับกลุ่มลูกค้าเจ้าของโครงการ รวมถึงเจ้าของบ้านให้เกิดการบอกต่อปากต่อปาก

นี่คือแนวทางในการบริหารกิจการของครอบครัวของทายาทยุคใหม่ ที่มีทั้งความรู้ ประสบการณ์ และความมุ่งมั่น ส่งผลให้การ "ต่อยอด" และ "ขยายผล" ได้อย่างแข็งแกร่งเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจครอบครัวในอนาคต