คลังนัดสรุป'ปิดบัญชี'จำนำข้าว13พ.ย.นี้

คลังนัดสรุป'ปิดบัญชี'จำนำข้าว13พ.ย.นี้

"รังสรรค์"นัดอนุกรรมการปิดบัญชีจำนำข้า13พ.ย.นี้ หวังเร่งปิดบัญชีพร้อมเสนอต่อนายกรัฐมนตรีพิจารณาในวันที่15พ.ย.

นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ ปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการจำนำข้าว เปิดเผยว่า โดยส่วนตัวได้นัดคณะอนุกรรมการปิดบัญชีชุดดังกล่าวเข้าร่วมประชุมกันในกลางเดือนนี้ เพื่อเร่งปิดบัญชีโครงการจำนำข้าวให้เสร็จภายในเดือนพ.ย.นี้ ซึ่งการประชุมครั้งนี้จะมีตัวแทนของสภาวิชาชีพการบัญชีเข้าร่วมประชุมด้วย และโดยส่วนตัวคาดว่าจะสามารถสรุปผลการปิดบัญชีได้ภายในกลางเดือนพ.ย.นี้

รายงานข่าวระบุว่า คณะอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการจำนำข้าว จะมีการประชุมในวันที่ 13 พ.ย.นี้ เพื่อเร่งสรุปข้อมูล ก่อนนำเสนอต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อรับทราบข้อมูลผลดำเนินงานของโครงการนี้ในวันที่ 15 พ.ย.2557 รวมทั้งพิจารณาแผนการระบายข้าวในสต็อกส่วนที่เหลือ เพื่อนำรายได้จากการขายข้าวมาชดเชยส่วนที่ขาดทุน

สำหรับข้อมูลการปิดบัญชีโครงการดังกล่าวถือว่ามีครบถ้วนแล้ว โดยองค์การคลังสินค้า(อคส.) และองค์การตลาดเพื่อการเกษตร(อตก.) กระทรวงพาณิชย์ได้นำส่งข้อมูลที่ได้มีการปรับปรุงให้ถูกต้องมาเรียบร้อยแล้ว และโดยส่วนตัวได้ร่วมหารือกับคณะทำงานชุดย่อย รวมทั้งตัวแทนของทั้งสองหน่วยงานดังกล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาซึ่งเห็นตรงกันในแง่ข้อมูลที่มีความถูกต้องและชัดเจน

"เมื่อเราได้ข้อมูลมาครบถ้วนแล้ว คณะทำงานชุดย่อยก็จะเริ่มกระบวนการปิดบัญชีอีกครั้ง เพื่อนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะอนุกรรมการปิดบัญชีชุดที่ผมเป็นประธานในสัปดาห์หน้า จากนั้น ก็คาดว่า คณะอนุกรรมการจะสามารถสรุปปิดบัญชีได้เร็วสุดภายในกลางเดือนพ.ย.นี้ และนำเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายข้าวชุดใหญ่ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานเพื่ออนุมัติ ซึ่งผลการปิดบัญชีนั้น ท่านนายกฯจะเป็นผู้แถลงด้วยตัวเอง"เขากล่าว

ทั้งนี้ นับตั้งแต่เดือนส.ค.ที่ผ่านมา คณะอนุกรรมการปิดบัญชีฯได้พยายามปิดบัญชีโครงการดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง แต่ยังไม่สามารถปิดบัญชีได้ เนื่องจาก ข้อมูลไม่ครบถ้วน และเมื่อได้ข้อมูลที่ครบถ้วน ก็ยังไม่สามารถปิดบัญชีได้ เนื่องจาก ข้อมูลของอคส.และอตก.ที่ส่งมานั้น ไม่สามารถปิดยอดบัญชีได้ กล่าวคือ ยอดสินค้าข้าวที่ได้ขายออกไปในแต่ละงวด เมื่อรวมแล้วจะไม่ตรงกับยอดสต็อกข้าวที่เหลืออยู่ อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการตรวจเช็คโดยละเอียด ขณะนี้ ยอดดังกล่าวตรงกันแล้ว

เขากล่าวด้วยว่า แม้จำนวนสต็อกข้าวของโครงการยังเหลืออยู่ แต่กระบวนการปิดบัญชีก็สามารถเดินหน้าได้ โดยคณะอนุกรรมการฯจะนำสต็อกข้าวมาคำนวณผลออกเป็นมูลค่า ซึ่งจะใช้ราคาตลาดในการคำนวณ ขณะเดียวกัน จะต้องมีการหักค่าเสื่อมสินค้าในแต่ละปีเข้าไปด้วย โดยปีแรกจะหักค่าเสื่อมราคาที่ประมาณ 10% และทยอยเพิ่มขึ้นในแต่ละปี จากนั้น ก็นำมาลบออกจากต้นทุนการดำเนินโครงการ ซึ่งจะเป็นผลการปิดบัญชีโครงการในทางบัญชี

"การหักค่าเสื่อมราคาสินค้านั้น ในทางบัญชีจะคิดหักค่าเสื่อมในแต่ละปี ผมเข้าใจว่า ในปีที่ 5 ค่าเสื่อมสินค้าจะคิดที่ 40-50% ของราคาสินค้า นั่นหมายความว่า สต็อกข้าวที่เหลือนั้น ขาดทุนทางบัญชีไปแล้วครึ่งหนึ่ง แต่ผลที่แท้จริงจะขึ้นอยู่กับราคาข้าวที่เราได้ขายออกไป ถ้าขายได้ราคา เราก็จะขาดทุนน้อยลง แต่ถ้าได้ราคาไม่ดี ผลขาดทุนก็จะมากขึ้น"เขากล่าว