กฟผ.เตือนถอดถ่านหินพ้นพีดีพีส่งผลต่อค่าไฟฟ้า

กฟผ.เตือนถอดถ่านหินพ้นพีดีพีส่งผลต่อค่าไฟฟ้า

กฟผ. ชี้ข้อเสนอถอดโรงไฟฟ้าถ่านหินออกจากแผนพีดีพี ส่งผลกระทบค่าไฟฟ้า ประชาชนรับภาระค่าไฟฟ้า"แพง"

นายสุนชัย คำนูณวัฒน์ ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) เปิดเผยว่าตามที่มีข้อเสนอของเครือข่ายภาคประชาชน กลุ่มขาหุ้นปฏิรูปพลังงาน ที่ต้องการให้กระทรวงพลังงานถอดโรงไฟฟ้าถ่านหิน ออกจากแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าฉบับใหม่ หรือพีดีพี 2015 นั้น ประเทศไทยมีความจำเป็นที่จะต้องมีโรงไฟฟ้าถ่านหิน เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยงเรื่องของเชื้อเพลิง ที่ปัจจุบันการผลิตไฟฟ้าต้องพึ่งพาเชื้อเพลิงจากก๊าซธรรมชาติสูงถึง 67.25%

ทั้งนี้หากไม่มีการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน ประชาชนจะต้องแบกรับภาระค่าไฟฟ้าที่สูงขึ้นในอนาคต ที่จะต้องมีการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลวหรือแอลเอ็นจี จากต่างประเทศในปริมาณที่มากขึ้น

กฟผ.มีการศึกษาข้อมูลเปรียบเทียบต้นทุนค่าไฟฟ้าระหว่างโรงไฟฟ้าแก่งคอย ที่ใช้ราคาเฉลี่ยทั้งก๊าซในอ่าวไทย ,ก๊าซจากพม่าและแอลเอ็นจีนำเข้า เป็นเชื้อเพลิง จะมีต้นทุนค่าไฟฟ้าเฉลี่ยอยู่ที่ 2.93 บาทต่อหน่วย แต่ถ้าต้องใช้แอลเอ็นจีนำเข้าทั้งหมดต้นทุนจะเพิ่มขึ้นเป็น 4.56 บาทต่อหน่วย ในขณะที่โรงไฟฟ้าเก็คโค่วัน ที่ใช้ถ่านหินนำเข้าเป็นเชื้อเพลิง จะมีต้นทุนอยู่ที่ 2.90 บาทต่อหน่วย หากเป็นโรงไฟฟ้าขนาด 800 เมกะวัตต์ ที่ผลิตไฟฟ้าได้ประมาณ 6,000 ล้านหน่วยต่อปี การมีโรงไฟฟ้าถ่านหิน จะประหยัดกว่าโรงไฟฟ้าที่ใช้แอลเอ็นจี ประมาณ 9,600 ล้านบาทต่อปี

แผนพีดีพีฉบับใหม่ หรือพีดีพี 2015 นั้น ทางกฟผ.ยังไม่ได้มีการเสนอว่าควรจะต้องเพิ่มจำนวนโรงไฟฟ้าถ่านหินให้มากขึ้น

ส่วนการสร้างความมั่นคงทางด้านไฟฟ้า กฟผ.หวังว่าเมื่อสิ้นสุดแผนพีดีพีที่จะเริ่มใช้ตั้งแต่ปี 2558-2578 สัดส่วนโรงไฟฟ้าของกฟผ.จะต้องมีมากกว่า 50% เมื่อเทียบกับโรงไฟฟ้าของเอกชน ซึ่งโรงไฟฟ้าเก่าของกฟผ.ที่จะต้องปลดระวางต้องมีการก่อสร้างแทนในพื้นที่เดิม