ให้โลกรู้ฤทธิ์ (Rit) จักรยานไทย

ให้โลกรู้ฤทธิ์ (Rit) จักรยานไทย

'ธานินทร์ ฤตวิรุฬห์' ผู้สร้างแบรนด์ Rit Bicycl จักรยานทัวริ่งไทยแท้ ที่คุณภาพเหนือกว่าต่างชาติเพียงหนึ่งเดียว

'ธานินทร์ ฤตวิรุฬห์' ผู้บุกเบิกจักรยานทัวริ่งรายแรกในบ้านเรา และยังทำจักรยานทัวริ่งสัญชาติไทยแท้ออกจำหน่ายในชื่อ Rit Bicycle หรือ ฤ ไบซิเคิล

กระแสการปั่นจักรยานนับเป็นกระแสที่มาแรงที่สุดในพ.ศ.นี้ แต่พอพูดถึงจักรยานแล้วนักปั่นส่วนมากมักจะนึกถึงจักรยานจอมลุยอย่างเสือภูเขา (Mountian Bike) หรือจักรยานสุดซิ่งอย่างเสือหมอบ (Road Bike) แต่หลงลืมไปว่ายังมีจักรยานอีกประเภทที่ตอบโจทย์ความเป็นจักรยานได้มากที่สุด...ในฐานะยานพาหนะ

จักรยานที่ว่าคือจักรยานทัวริ่ง (Touring Bike) ที่มีดีตรงความเรียบง่ายทว่าดุดัน เป็นส่วนผสมระหว่างความงามกับประโยชน์ใช้สอย คือนอกจากรูปลักษณ์จะดูดีมีสไตล์แล้วจักรยานประเภทนี้ยังแบกรับน้ำหนักของสัมภาระสำหรับเดินทางไกลได้มากอีกด้วย

แต่จักรยานทัวริ่ง (รวมถึงจักรยานประเภทอื่น)เกือบทั้งหมดคือจักรยานจากต่างแดน กระทั่งเมื่อประมาณสองปีก่อนมีชื่อยี่ห้อ Rit Bicycle ผ่านหูผ่านตานักปั่นสายท่องเที่ยว และจักรยานยี่ห้อนี้ก็ใช้เวลาเพียงไม่ถึงสองปีจนบัดนี้ติดตลาดระดับบนเรียบร้อยแล้ว ที่สำคัญคือนี่คือทัวริ่งสัญชาติไทยเพียงรายเดียวที่ติดธงไตรรงค์บนเฟรมแล้วยังยืนหยัดอยู่ได้ในประเทศ และอีกไม่นานก็จะตีตลาดจักรยานทัวริ่งสัญชาติฝรั่งได้แน่นอน เพราะตอนนี้จักรยานยี่ห้อนี้เพิ่งได้ไปอวดโฉมในงานจักรยานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก...ยูโรไบค์ (EUROBike) ที่ประเทศเยอรมนี

๐จุดเริ่มต้นของจักรยาน Rit Bicycle?

เริ่มจากที่เราใช้ของคนอื่นเมื่อยี่สิบปีมาแล้ว และเมื่อห้าปีที่แล้วนำเข้าของคนอื่นมาจำหน่าย แต่พอถึงจุดหนึ่งก็มีปัญหาเรื่องการขายกับบริษัทแม่ ปี 2555 ก็ถึงจุดที่เราตัดสินใจว่าพร้อมแล้วล่ะที่จะลุยเต็มที่กับการสร้างแบรนด์ตัวเอง เพราะคิดว่าประสบการณ์มีมากพอ โรงงานการผลิตก็มีรองรับอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าจะสู้จำนวนได้ไหม เรามีเงินทุนถึงตรงนั้นไหม แรกๆ ผมก็สู้ได้คือ เน้นเฟรมอย่างเดียวเลย แล้วเอามาประกอบในเมืองไทยอีกทีหนึ่ง แต่ว่าสร้างแบรนด์ก่อน สร้างเฟรมก่อน แล้วพอหาทุนได้ก็ไปคุยกับโรงงานที่ไต้หวัน ผมเน้นที่ทัวร์จักรยานเลยเพราะชื่อผมเกิดมาจากการท่องเที่ยว ไม่ใช่พวกรถแข่งขัน หรือลุยเสือภูเขา ผมเน้นการท่องเที่ยวเลยทำเฟรมทัวริ่งโดยเฉพาะ

๐องค์ความรู้อะไรมาทำจักรยาน?

พอศึกษาเข้าลึกๆ จริงๆ แล้วเราเอาแบบมาจากรถจักรยานที่ใช้อยู่แล้วพอใจที่สุด และเราศึกษาแล้วว่าดีที่สุด ผมใช้เองอยู่สองสามยี่ห้อ พอถึงจุดหนึ่งเราถูกใจยี่ห้อหนึ่ง เรียกว่าเป็นต้นแบบ แต่พอศึกษาเข้าไปเมื่อจะทำจริงจัง ผมก็ต้องศึกษาจากสิบยี่ห้อได้ทั้งของอเมริกาและของยุโรปแล้วเอามาเปรียบเทียบกัน เมื่อเราไม่มีเครื่องมือ ไม่มีเครื่องจักรที่เอามาทดสอบ จึงใช้วิธีศึกษาข้อมูลของคนอื่น เรียกว่าเราก็อปปี้ก็ได้ แต่ก็พัฒนาให้ดีกว่าเดิม ไม่ใช่ว่าเริ่มจากก็อปเหมือนเขาเลยแล้วค่อยมาปรับทีหลัง

ผมไม่เลย ผมก็อปเขาแต่ปรับเลยทันที คือ เอาจากประสบการณ์มาใส่ทันที เพราะเรามีประสบการณ์มาก เผลอๆ คนที่ทำจักรยานอยู่ก่อนแล้วประสบการณ์เขาไม่มากเท่าเราด้วยซ้ำในเรื่องการใช้งานตรงนั้น จริงๆ เพราะเขามีพนักงานออกแบบ แต่ละคนก็ออกแบบอยู่ในออฟฟิศ แต่ของผมใช้งานจริง คือส่วนผสมของที่ผมอยากได้กับของที่เขามีอยู่แล้ว แต่มาปรับรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เป็นจุดสำคัญที่เราต้องการ ก็เลยทำให้เราไปได้เร็ว

โรงงานที่ทำให้ก็ไม่ใช่โรงงานใหม่ ประสบการณ์เขาเกือบร้อยปีแล้ว ก็ไม่ถือว่าเราเริ่มต้นจากศูนย์ ทั้งเรื่องรูปแบบ เทคโนโลยีการผลิต วัสดุ ทุกอย่างเราเลือกที่ดีหมดเลย ก็เลยเป็นจุดขายของผมขึ้นมาทันที เพราะราคาเท่ากันกับยี่ห้อฝรั่งแต่คุณภาพของเราสูงกว่าสองขั้น ซึ่งพวกนี้พิสูจน์ได้ในเรื่องวัตถุดิบ เพราะมันมีข้อมูลอยู่แล้วในท้องตลาดการผลิต ยอดขายก็เลยเกิดได้ทันทีในรุ่นแรก นี่ก็สองรุ่นขายหมดแล้ว รุ่นที่สามก็ขายไปเกือบหมดแล้ว แค่ไม่ถึงเดือน

๐Rit Bicycle มีมากี่ปี?

เพิ่งจะคิดและทำจริงจังปี 2555 แต่ของที่เอามาขายได้จริงมาถึงเมืองไทยตอนปลายปี 2555 ก็เริ่มขายจริงเมื่อปี 2556 ตอนนี้ก็ขายไปได้แล้วประมาณ 500 กว่าคันแล้วในช่วงเวลาปีครึ่ง แต่ปลายปีหน้านับจากนี้ไปผมตั้งไว้ที่อีก 1,000 คัน คือจะคูณสองของปีที่ผ่านมา ผมคิดว่าเป็นไปได้ คิดว่าจักรยานทุกรายก็คงโตเหมือนกันเพียงแต่ว่าใครจะโตแบบไหนเท่านั้นเอง เพราะคนไทยส่วนหนึ่งติดยี่ห้อต่างประเทศ ก็ยังซื้ออยู่ถึงจะรู้ว่าดีกว่าหรือไม่ดีกว่าอย่างไร แต่คนส่วนหนึ่งที่เยอะขึ้นปีหน้าผมคงจะแซงแบรนด์ฝรั่งให้ได้ นี่เฉพาะในประเทศนะ แต่ก็จะมีโอกาสไปตลาดต่างประเทศแน่นอน

๐นอกจากทำรถขาย ชอบปั่นจักรยานอยู่แล้ว?

ใช่ครับ ตามประสาเด็กผู้ชายตามต่างจังหวัด จักรยานเป็นสิ่งหนึ่งที่ในยุคหนึ่งคว้าได้ เพราะมอเตอร์ไซค์ก็แพง ก็เลยมีความชอบเรื่องจักรยานและชอบเรื่องท่องเที่ยว ผมจึงตัดสินใจเลือกจักรยานเป็นตัวใช้งาน เพราะต่อให้ในงานทัวร์จักรยานผมก็ปั่นจักรยาน วันหยุดผมก็ปั่นจักรยาน ก็เลยเกิดที่มาว่าผมทำจักรยานมาขายนี่ไม่แปลก และเกิดได้เพราะคนเชื่อถือ เพราะก่อนหน้านี้ที่ผมมาขายจักรยาน ผมก็ขี่จักรยานยี่ห้อคนอื่นเขาไปทัวร์ แล้วเขียนเรื่อง เล่าเรื่องการเดินทาง เมื่อก่อนผมก็วิเคราะห์เขาไปหมดว่าแบรนด์นั้นเป็นอย่างไร และคนก็ฟังเรา ทุกวันนี้ก็มีคนฟังเรา

๐เสน่ห์ของจักรยานทัวริ่งคืออะไร?

จักรยานทัวริ่งไม่เหมือนเสือภูเขา ไม่เหมือนเสือหมอบตั้งแต่โครงสร้างเลย เหมือนรองเท้า รองเท้าวิ่ง รองเท้าบาส รองเท้าฟุตบอล รองเท้าเทนนิส ฯลฯ ไม่เหมือนกันตั้งแต่โครงสร้างมาแล้ว ทัวริ่งก็เหมือนกัน แต่เสน่ห์ของมันคือการได้เดินทางนี่ละ ความสุขอยู่ตรงนั้น

การไปขี่จักรยานท่องเที่ยวได้ทั้งสุขภาพ ทั้งกายและใจ เพราะการไปเที่ยวคือการไปหาความสุข ยกเว้นบางกลุ่มที่เขาไปแล้วไปทรมาน ไปลำบาก นั่นก็อีกเรื่องของเขา แต่ถ้าคอนเซ็ปต์ของผม คำว่าจักรยานท่องเที่ยวคือการไปหาความสุขแล้วได้ทั้งสุขภาพกายสุขภาพใจ ได้ไปเห็นอะไรมากกว่านั่งรถ กล้าพูดเลยว่านั่งรถนี่มองไม่เห็นข้างทางเท่ากับขี่จักรยาน บางครั้งปั่นจักรยานไปเห็นชาวบ้านเขาทำอะไรอยู่ เราจอดได้ทันทีเลย ถ้าขับรถแล้วจอด เพื่อนทุกคนต้องหยุดหมด แต่จักรยานนี่เราจอดคนเดียวได้ เพื่อนคนอื่นขี่ต่อ จะถ่ายรูปมุมไหน จะถอยกลับมามุมไหน ทุกอย่างทำได้ง่ายหมด หรือแม้แต่ขี่ผ่านหมู่บ้านในชนบท ยิ่งใกล้ๆ เที่ยง ได้ยินเสียงเขาทำกับข้าว ได้กลิ่นเขาปรุงอาหาร แค่นี้กิจกรรมอื่นก็ทำไม่ได้เลย

และจักรยานไปได้ไกลกว่าวิ่ง ไกลไม่แพ้รถยนต์แต่ช้ากว่า แต่เห็นอะไรมากกว่า ผมคิดว่านี่คือเสน่ห์ที่ถ้าใครไม่ลองไม่รู้ แต่ถ้าได้ลองจะติดใจ เพราะลูกค้าผมตั้งแต่ผมทำทัวร์มาแล้ว ไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป ตำแหน่งสูงทั้งในหน่วยงานรัฐบาลและเอกชนทำกิจกรรมนี้ได้ทั้งหมด ลุงคนหนึ่งที่ไปขี่กับผมที่เนปาลตอนนี้อายุ 65 แล้ว เคยทำงานหนักมาก เก็บเงินสะสมเงินจนธุรกิจใหญ่โต ตอนนี้เงินมีแล้ว เวลามี แต่แรงเริ่มหมด ก็เลยบอกว่าอย่ารอช้า เพราะของพวกนี้ อย่ารอนั่นอย่ารอนี้อยู่ มันไม่รอเรา ถ้าใครทำอะไรได้ตอนนี้ทำเลย ทำได้น้อยก็ทำ ดีกว่าไม่ทำเลย

บางคนบ่นว่าจะไปขี่จักรยานทัวร์แบบผมทีนึงอาทิตย์สองอาทิตย์คงไม่ได้ คงไปได้แค่สองสามวัน ก็ไปสองสามวันนั่นละ แค่นั้นก็มีความสุขได้เหมือนกัน เพียงแต่ขอให้ทำ ขอให้ไป ระยะเวลามีส่วนแต่ถึงเวลาน้อยก็หาความสุขได้ เท่าที่ดูคนที่เกษียณแล้ว ก่อนนั้นแรงจะหมด แต่พอขี่จักรยาน จะรักษาช่วงที่มีแรงให้ยาวนานขึ้น หลายคนแค่เห็นหน้าตาก็รู้เลยว่าดูหนุ่มขึ้นสาวขึ้น สุขภาพดีขึ้นเยอะเลย หมอหลายคนเอาจักรยานผมไปออกกำลังกาย