โพลล์ชี้'ชาวนา'มีวินัยใช้เงินจ่ายหนี้มากสุด

โพลล์ชี้'ชาวนา'มีวินัยใช้เงินจ่ายหนี้มากสุด

ผลสำรวจชี้ชาวนานำเงินจากโครงการรับจำนำข้าว ไปจ่ายหนี้มากที่สุดถึง 69.1% ที่เหลือใช้เก็บออม-ทำอาชีพเสริม

นายลักษณ์ วจนานวัช ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กล่าวว่า ศูนย์วิจัยธ.ก.ส.ได้ศึกษาการบริหารจัดการเงินของชาวนาหลังได้รับเงินจากโครงการรับจำนำข้าวเปลือก ปีการผลิต 2556/2557 ที่มีการจ่ายไประหว่างวันที่ 26 พ.ค.-18 มิ.ย.2557 ด้วยการสัมภาษณ์ชาวนาที่ได้รับเงินจากโครงการรับจำนำข้าวในพื้นที่จังหวัดพิจิตร พิษณุโลก อุบลราชธานี ปทุมธานี ฉะเชิงเทรา นครนายก และสุพรรณบุรีพบว่า ชาวนานำเงินที่ได้รับจากโครงการรับจำนำข้าว นำไปชำระหนี้มากที่สุด 69.1% โดยเป็นหนี้ในระบบ 65.2% เช่น หนี้ ธ.ก.ส. กองทุนหมู่บ้านและสหกรณ์ และหนี้นอกระบบ 3.9% สะท้อนถึงความมีวินัยและความซื่อสัตย์ของเกษตรกร

รองลงมาเป็นการใช้จ่ายในครัวเรือน 21.1% โดยส่วนใหญ่ชาวนานำเงินที่ได้รับไปใช้จ่ายเพื่อการบริโภคมากที่สุด 79.3% ใช้จ่ายเพื่อการศึกษาบุตร14.6% ผ่อนค่างวดรถ/เครื่องใช้ไฟฟ้า 4.5% ค่าใช้จ่ายอื่นๆ เช่น ค่าประกันชีวิต ปรับปรุงบ้าน 1% และซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าใหม่ 0.6%

นอกจากนี้ชาวนายังได้นำเงินไปลงทุนประกอบอาชีพเสริม 7.5% โดยนำเงินไปลงทุนค้าขายมากที่สุด 65.3% ลงทุนปลูกพืชอื่น 25.4% และเลี้ยงสัตว์ 9.3% และสุดท้ายมีการเก็บออม 2.3% โดยเก็บออมใน ธ.ก.ส.มากที่สุด 80.2% รองลงมาคือธนาคารพาณิชย์ 14.7% และเก็บออมไว้กับตัวเอง5.1%

ทั้งนี้จากการสำรวจยังพบว่าชาวนา นำเงินที่ได้จากการกู้ยืม ธ.ก.ส.และเงินที่เหลือจากโครงการรับจำนำมาลงทุนทำการผลิตรอบใหม่ โดยจ่ายเป็นค่าจ้างแรงงานมากที่สุด รองลงมาคือค่าปุ๋ย/สารเคมี ค่าเมล็ดพันธุ์ ค่าใช้จ่ายอื่นๆ อาทิค่าเช่าที่นา ค่าน้ำมันรถไถนา ค่าซ่อมบำรุงอุปกรณ์เครื่องจักรกลการเกษตร ค่าใช้จ่ายในการผ่อนงวดเครื่องจักรกลการเกษตร และค่าใช้จ่ายในการซื้อเครื่องจักรกลการเกษตรใหม่เนื่องจากถูกขโมยและชำรุด

ศูนย์วิจัย ธ.ก.ส. มีความเห็นว่า การจ่ายเงินโครงการรับจำนำข้าวที่ค้างชำระให้แก่ชาวนาและการให้สินเชื่อ รอบใหม่จาก ธ.ก.ส.นั้น จะส่งผลกระตุ้นเศรษฐกิจได้ชัดเจนมากขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2557 โดยจะขยายตัวได้ดีจริงๆ ในปีหน้า