"จู๊ค" ขับง่าย ใช้สะดวก รถของครอบครัวเล็ก

"จู๊ค" ขับง่าย ใช้สะดวก 	รถของครอบครัวเล็ก

ก่อนหน้านี้ไม่นานผมมีโอกาสขับ นิสสัน จู๊ค ซึ่งเป็นการจัดทดสอบแบบเช้าไป-บ่ายกลับ กรุงเทพ-สวนผึ้ง ไปกันหลายคัน

หลายคน ผลัดกันขับ ซึ่งก็ได้รายงานผลการขับขี่ไปแล้ว

แต่ว่าหลังจากนั้นผมก็ยังได้รับคำถามเกี่ยวกับรถรุ่นนี้อย่างต่อเนื่อง ทั้งคนรู้จักกัน และผู้ฟังรายการ "ออโต้ เซอร์วิส" ทางเอฟเอ็ม 90.5 เมกะเฮิร์ต ที่ผมจัดร่วมกับผู้หลักผู้ใหญ่ที่แก่กล้าในวงการยานยนต์มายาวนาน 2 ท่าน ช่วงบ่ายโมงถึงบ่ายสอง ทุกวันจันทร์-ศุกร์

แสดงว่ากระแสของจู๊คยังคงดี มีผู้สนใจ แม้จะเปิดตัวมาพักใหญ่แล้ว และภาวะเศรษฐกิจกับตลาดรถยนต์ที่ไม่ดีเท่าไรในช่วงเวลานี้

คำถามก็มีทั้งที่เกี่ยวกับสมรรถนะ และความสะดวกในการใช้งาน โดยเฉพาะภายในห้องโดยสาร ที่ร่ำลือกันว่าค่อนข้างแคบ ผมก็เลยต้องมีดาบสอง เอารถมาลองอีกครั้ง ลองแบบสบายๆ เหมือนใช้งานจริง ไม่ต้องรีบร้อนรีบเร่งสักสองสามวัน และผสมผสานกันไประหว่างขับขี่ในกรุงเทพ และออกต่างจังหวัดบ้าง เลือกเส้นทางไม่ไกลนัก ส่วนเส้นทางที่ต้องออกแรงสักหน่อย อย่างทางป่าทางเขา มีคดมีโค้ง ก็ลองกันไปแล้ว เมื่อครั้งที่ไปสวนผึ้ง ซึ่งก็ได้รับคำตอบแล้วว่ารถตอบสนองการใช้งานได้ดี การยึดเกาะถนนมั่นใจได้ แม้จะมีอาการโยนตัวอยู่บ้างในเส้นทางโค้ง แต่อยู่ในวิสัยที่ยังคงควบคุมรถได้ไม่ยากเย็น ขอแค่ทำความรู้จักกับมันสักพักเท่านั้นก็เพียงพอ ยืนยันได้ว่าเอาอยู่ครับในทุกเส้นทาง ถ้าไม่ระห่ำจนเกินงาม

ทั้งนี้ช่วงล่างของจู๊ค ด้านหน้าแม็คเฟอร์สันสตรัท หลังทอร์ชัน บีม

คราวนี้ผมเริ่มจากขับจู๊คไปนั่นมานี่ ดูซิว่าคนที่เห็นจะว่าอย่างไร สรุปเสียงส่วนใหญ่จากคนที่ได้พูดคุยกันก็คือเป็นรถที่ออกแบบได้น่ารัก ดูแปลกตา แต่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว มีทั้งความหวาน แทรกด้วยความดุ อย่างเช่น มัดกล้ามของตัวถัง และยางขนาดค่อนข้างใหญ่ 215/55 R17

เดาว่าวิศวกรออกแบบ คงมีอิสระ และสบายอารมณ์พอควรในการลากเส้นสาย เพราะดูเป็นการลากเส้นแบบฟรีสไตล์ไม่ยึดติดกับกรอบเกณฑ์มากนัก คิดยังไงก็ลากไปอย่างนั้น ไม่มีหยุด ลากแล้วก็ต้องลากให้สุด แม้จะทำให้เส้นหลังคามันลาดลง จนเกรงว่าจะไปชนหัวคนนั่ง และกระจกบานหลัง จะแคบจนบดบังวิวทิวทัศน์ของคนนั่งเบาะหลังก็ตาม

แต่ของอย่างนี้คำตอบที่ดีที่สุดคือต้องลองนั่งครับ ถ้ารับได้ก็เอา ถ้าไม่ชอบก็ไม่ต้องซื้อ และก็ย้ำอีกครั้งว่าเมื่อจะลอง ให้พาคนในบ้านไปด้วย เพราะบางทีคนที่เลือกซื้อ ก็มักจะมีที่นั่งประจำคือ หลังพวงมาลัย ซึ่งเป็นตำแหน่งที่นั่งสบายที่สุดเท่านั้น ก้นแทบจะไม่เคยได้สัมผัสเบาะหลังเลย

การทดสอบครั้งนี้ ผมส่งคนไปนั่งเบาะหลังทุกวัน เหมือนว่าเป็นรถของเราเอง แล้วรอดูปฏิกิริยา ปรากฏว่าไม่ได้ยินเสียงบ่นสักคำ จะว่าชินกับการนั่งเครื่องบินที่มีบานหน้าต่างเล็กๆ หรือว่าจริงๆ แล้วใช้เวลาส่วนใหญ่กับโลกออนไลน์บนมือถือ ก็ไม่น่าจะใช่

ลองไปนั่งเล่นๆ เอง ก็รู้สึกได้ครับว่า ตัวขนาดมาตรฐานชายไทยไม่มีปัญหา หลังคาที่ลาดเอียงลง ไม่ถึงหัวแน่ เพียงแต่อาจจะรู้สึกว่าด้านบนไม่โปร่งโล่งอย่างที่เคยชินกันเท่านั้นเอง ส่วนพื้นที่ช่วงเข่าแม้มีไม่มากนัก แต่ก็ไม่ชนเบาะหน้าครับ

รูปทรงภายนอกเป็นรถที่ออกแบบได้สนุก ภายในก็สนุกไม่น้อยไปกว่ากันกับลูกเล่นมากมาย เช่น โลหะเปลือยไม่ต้องมีอะไรมาคลุมบริเวณคอนโซลเกียร์ คอนโซลกลาง โดยใช้สีแดงใน รุ่น V ที่มีค่าตัว 8.58 แสนบาท และสีเงินในรุ่น E ค่าตัว 8.19 แสนบาท โดยสีของส่วนที่ว่ากลมกลืนไปกับสีแผงข้างประตู และด้ายเย็บเบาะ

แต่ผมก็ยังยืนยันว่าสีแดงมันแรงไปนิด

นอกจากลูกเล่นของสีแล้ว ก็ยังมีลูกเล่นเกี่ยวกับอุปกรณ์อีกหลายอย่าง เช่น จอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์เชื่อมต่อไว-ไฟ สามารถถอดออกไปเล่นได้ แต่ต้องพกพาเพาเวอร์แบงก์ไปด้วย และยังมีระบบเชื่อมต่ออุปกรณ์ภายในนอก และบลูทูธให้พร้อม

ปุ่มควบคุม ใช้ระบบดิจิทัล ช่วยให้ควบคุมอุปกรณ์ 2 กลุ่ม ด้วยปุ่มเดียวกัน คือ ระบบปรับอากาศ กับระบบการขับขี่ จะเลือกปรับตัวไหนก็กดปุ่มเลือกเอาระหว่าง CLIMATE กับ D-MODE

ซึ่ง D-MODE เลือกได้ 3 รูปแบบ คือ นอร์มอล อีโค และสปอร์ต อยากขับประหยัดก็เลือกอีโค ถ้าอยากได้อารมณ์กระชากกระชั้น กระฉับกระเฉง ก็เลือกโหมดสปอร์ต ซึ่งจะไปควบคุุมลิ้นปีกผีเสื้อ เพิ่มรอบเกียร์ พวงมาลัยมีน้ำหนักเพิ่มขึ้น เหมาะกับการควบคุมการขับที่รวดเร็ว

สปอร์ต ช่วยให้ขับสนุกขึ้นครับ แต่ผมชอบนอร์มอลมากกว่า ดูลงตัวมากกว่า ไปแบบเนียนๆ และเพียงพอกับการใช้งาน ขับสบายๆ หรือแบบเร็วก็ได้ โดยรถจะค่อยๆขยับความเร็วแบบนุ่มนวล แต่ถ้าเป็นสปอร์ต จะมีอาการกระชากชัดเจนหากลงน้ำหนักที่คันเร่ง

การใช้งานทั่วไป ผมว่าเข้าท่าทีเดียวสำหรับจู๊ค กับคนโสด หรือ ครอบครัวเล็กๆ เป็นรถขับสบาย ตัวรถที่สูงกว่ารถเก๋งทั่วไป เหมาะกับสภาพฝนฟ้าบ้านเรา เหมาะกับถนนหนทางที่รถหนาแน่น ช่วยให้เห็นได้ไกลกว่า ไม่อึดอัด และรับมือได้ดีกับถนนโลกพระจันทร์หลายแห่ง ทั้งผิวถนนเองที่เป็นหลุมเป็นบ่อ หรือถนนเรียบ แต่ฝาท่อระบายน้ำต่ำกว่าถนนเกือบคืบ หรือว่าตรอกซอกซอย,ทางเข้า-ออก, เส้นทางรอบอาคาร ที่ทำเนินลูกระนาดกันตามอำเภอใจ

ทำเพื่อชะลอความเร็วสำหรับคนขับรถที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว ผมก็เข้าใจ แต่บางทีมันอยู่ในที่ที่ไม่จำเป็น เชื่อไหมครับอาคารบางแห่ง ผมขับรถเข้าไปส่งคนแล้ววนออกมา นับได้เกือบ 30 ลูก กำลังคิดว่าเยอะขนาดนี้ คงต้องเชิญขุนอินมาขับล่ะครับ

และเมื่อขับไปท่องเที่ยว ก็ขับได้ง่ายๆ สบายๆ กินลมชมวิว หรือเมื่อเร่งรีบสักหน่อย ดูแล้วเส้นทางและสิ่งแวดล้อมปลอดภัยจะเติมความเร็วไป 140-150 ก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร เครื่องยนต์ 1.6 ลิตร 4 สูบ 16 วาล์ว 116 แรงม้า ที่ 5,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 154 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที ตอบสนองได้ดีพอ ขณะที่ เกียร์ XRONIC CVT ก็ทำงานได้นุ่มนวล

พื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้าย ไม้ดูจะไม่ใหญ่นัก แต่ก็เพียงพอสำหรับสัมภาระสำหรับสามสี่คน กับการไปหาที่พักผ่อนคืนสองคืน

จุดขายอีกสิ่งหนึ่งของจู๊คก็คือ ระบบที่ไม่เห็นด้วยตาเปล่า แต่คนที่รู้เรื่องการขับรถจริงๆ จะชอบ เช่น เอบีเอส ระบบกระจายแรงเบรก หรือ EBD ระบบเสริมแรงเบรก หรือ BA โดยระบบเบรกหน้าดิสค์ หลังดรัม นอกจากนี้ก็มีถุงลมด้านหน้า มีกล้องมองหลัง ที่คุณภาพภาพเห็นชัดเจน ลดจุดอ่อนเรื่องความสูงที่บดบังทัศนวิสัยด้านหลังเมื่อถอย นอกจากนี้ก็ยังมีระบบคีย์เลส ปุ่มสตาร์ท-ดับเครื่องยนต์ ตามสมัยนิยม

ส่วนการเก็บเสียงอยู่ในเกณฑ์ที่ดี มีเสียงเข้ามาบ้าง แต่ไม่ทำให้เกิดความรำคาญ

ทดสอบใช้งานเหมือนใช้จริงในชีวิตประจำวัน ผมสรุปได้ว่า จู๊ค เป็นรถที่มีเสน่ห์ในตัว ไปไหนใครก็สนใจ ขับง่าย สบายๆ ไม่เหนื่อย ช่วงล่างไม่นุ่มไม่แข็ง เกาะถนนมั่นใจได้ และกินน้ำมันประมาณ 13 กม./ลิตร จากตัวคำนวณที่ติดมากับรถครับ