จับทิศลงทุนช่วงทองผันผวน

จับทิศลงทุนช่วงทองผันผวน

จับทิศลงทุนช่วงทองผันผวน กูรูฟันธงราคาร่วงต่อ แนะสิ้นปีซื้อเก็บ

รายการ Ringside สังเวียนหุ้น ทางสถานีโทรทัศน์ NOW26 ตอน "จับทิศลงทุน ช่วงทองผันผวน" ระดมความเห็นจากนักวิเคราะห์หลังสถานการณ์ราคาทองคำปรับลดลงต่อเนื่องจากแรงเทขายของกองทุนต่างประเทศ "เอ็มทีเอส โกลด์" ชี้อาจเห็นจุดต่ำสุดใหม่อีกรอบ ขณะที่ศูนย์วิจัยทองคำ แนะซื้อเก็บช่วงปลายปี

นายณัฐพงศ์ หิรัณยศิริ กรรมการผู้จัดการกลุ่มบริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ แม่ทองสุก กล่าวว่า ในช่วงที่เกิดวิกฤติการเงินในสหรัฐ ทำให้มีแรงซื้อเก็บทองคำจำนวนมาก เนื่องจากทองคำเหมือนสกุลเงินสำคัญสกุลหนึ่งที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก แต่เมื่อสถานการณ์เศรษฐกิจของสหรัฐฟื้นตัวดีขึ้น ทำให้กองทุนขนาดใหญ่เลือกที่จะขายทองคำออกมาเพื่อซื้อดอลลาร์สะสมเพื่อเก็งกำไรแทน

"ตั้งแต่ตอนเลแมนล้ม (เลแมน บราเดอร์ส อดีตวาณิชธนกิจชื่อดัง) นักลงทุนก็เลือกที่จะเก็บสะสมทองแทน เพราะดอกเบี้ยมันลดลงเหลือไม่กี่สลึง นักลงทุนจึงไม่อยากซื้อดอลลาร์ และเปลี่ยนมาสะสมทอง เพราะเป็นสิ่งที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก แต่ตอนนี้เศรษฐกิจสหรัฐเริ่มดีขึ้นกองทุนขนาดใหญ่อย่าง SPDR ก็เลือกที่จะขายทองออกมาเพื่อไปเก็งกำไรเงินดอลลาร์แทน"

ฟันธงปีนี้เห็นจุดต่ำสุดใหม่

กรรมการผู้จัดการกลุ่มบริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ แม่ทองสุก กล่าวต่อว่า หลายคนอาจมองว่าระดับราคาทองคำที่ 1,180 ดอลลาร์ต่อออนซ์คือจุดต่ำสุดในปีนี้แล้ว แต่โดยส่วนตัวมองว่ายังมีแนวโน้มที่จะได้เห็นจุดต่ำสุดใหม่ที่ประมาณ 1,100 ดอลลาร์ต่อออนซ์บวกลบ ทั้งนี้ เนื่องจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐที่จะสิ้นสุดลงประมาณช่วงเดือน ต.ค. และจากนั้นเฟด (ธนาคารกลางสหรัฐ) น่าจะมีการส่งสัญญาณปรับดอกเบี้ยขึ้นในช่วงปลายปี ซึ่งหากมีการส่งสัญญาณการปรับดอกเบี้ยเร็วขึ้นเท่าไร ก็จะเกิดแรงขายทองคำออกมาเร็วมากเท่านั้น ทำให้นักลงทุนอาจได้เห็นจุดต่ำสุดใหม่

"1,100 ต้นๆ ต่อออนซ์ น่าจะเป็นราคาที่เราได้เห็นแน่นอน จะเป็นจุดต่ำสุดใหม่ที่เราจะได้เห็น เพราะสัญญาณการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟดนั่นเอง ยิ่งส่งสัญญาณเร็วเท่าไรก็ยิ่งทำให้ราคาทองร่วงแรงเท่านั้น ซึ่งเรามองว่าน่าจะเป็นช่วงประมาณปลายปี" กรรมการผู้จัดการกลุ่มบริษัทเอ็มทีเอส โกลด์ แม่ทองสุก กล่าว

แนะรอซื้อทองช่วงปลายปี

นายณัฐพงศ์ กล่าวอีกว่า จากมาตรการเดินหน้าเศรษฐกิจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ซึ่งน่าจะทำให้นักลงทุนต่างชาติมีความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจไทยมากขึ้น และอาจส่งผลให้เกิดแรงซื้อกลับในตลาดหุ้นหรือตลาดสารหนี้ไทย ส่งผลให้ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นได้ ประกอบกับการส่งสัญญาณปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ จะทำให้ราคาทองคำปรับลดลง ถือเป็นจังหวะที่นักลงทุนจะเข้าไปช้อนซื้อทองคำเพื่อสะสมได้

"รอช่วงประมาณไตรมาส 4 ของปีนี้เป็นช่วงที่จะได้เห็นทองราคาถูก จากการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟด และเศรษฐกิจไทยที่แข็งแกร่งขึ้นทำให้เงินบาทแข็งค่า ค่อยรอซื้อสะสมช่วงนั้นได้" นายณัฐพงศ์ กล่าว

มั่นใจ ศก.ครึ่งปีหลังดีขึ้น

นายกมลธัญ พรไพศาลวิจิต ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ กล่าวว่า เศรษฐกิจช่วงครึ่งปีหลังน่าจะปรับตัวดีขึ้นกว่าครึ่งปีแรก หลังจากที่คสช.เริ่มเข้ามาจัดการและเดินหน้าเศรษฐกิจมากขึ้น ทำให้เกิดการลงทุนในประเทศ สร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนต่างชาติได้ และน่าจะทำให้ค่าเงินบาทที่อ่อนค่าในขณะนี้กลับขึ้นมาแข็งค่าได้ จึงเป็นจังหวะที่นักลงทุนสามารถรอซื้อทองคำ และหากเฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยในช่วงต้นปีหน้าตามที่คาดการณ์จริง จะเริ่มเห็นสัญญาณการเทขายทองคำออกมาในช่วงปลายปี จึงเป็นจังหวะที่ดีของนักลงทุนทองคำ

คาดราคาทองแกว่ง

สำหรับการคาดการณ์ราคาทองคำในช่วงครึ่งปีหลังนั้น ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ บอกว่า จากการสำรวจความเห็นผู้ค้ารายใหญ่ 6ราย มองราคาทองคำโลกอยู่ที่ 1,200-1,400 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ส่วนราคาในประเทศต่ำกว่า 20,000 บาท ราคาต่ำสุดที่ระดับ 16,700 บาท และสูงสุดที่ 22,000 บาท ขึ้นอยู่กับค่าเงินบาท ที่คาดว่าจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 32-33.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ โดยปัจจัยการเมืองเข้ามามีบทบาททางอ้อมต่อราคาทองคำ ซึ่งหากปัญหาการเมืองยังยืดเยื้อเกินไตรมาส 3 จะมีผลกระทบจากกระแสเงินทุนต่างชาติไหลออก และอาจมีการลดเครดิตเรทติ้งของประเทศได้ ทำให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลง

"ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นราคาทองคำในช่วง 3 เดือนข้างหน้า จากการสำรวจพบว่าดัชนีโดยรวมอยู่ที่ระดับ 52.88 จุด ลดลงจากการจัดสำรวจเมื่อเดือน เม.ย.เล็กน้อย แต่ยังคงอยู่เหนือระดับ 50 จุด ทำให้เชื่อว่ากลุ่มตัวอย่างยังคงมีมุมมองระยะกลางต่อราคาทองคำในเชิงบวกโดยมองปัจจัยเรื่องความผันผวนของค่าเงินบาท ความเสี่ยงในยูเครน ทิศทางค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ และการปรับเปลี่ยนนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ เป็นปัจจัยที่มีผลกระทบสำคัญ" ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ ระบุ

เชื่อราคาทองผ่านจุดต่ำสุดแล้ว

นายกมลธัญ กล่าวด้วยว่า ราคาทองที่ 1,180 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ถือว่าเป็นราคาที่ต่ำสุดในปีนี้แล้ว ไม่น่าจะมีการทำจุดต่ำสุดใหม่ แม้ว่าธนาคารกลางสหรัฐจะส่งสัญญาณการปรับดอกเบี้ยขึ้นก็ตาม เพราะมองว่าราคาในระดับ 1,180 ดอลลาร์ต่อออนซ์ถือว่าต่ำมาก ต่อให้มีแรงขายออกมาอีกก็น่าจะมีแรงซื้อจากจีนและอินเดียเข้ามาตลอด

"เรามองว่าราคาทองคำที่ 1,180 ดอลลาร์ต่อออนซ์ถือว่าผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว ต่อให้มีแรงขายออกมาราคาก็จะไม่ลดลงต่ำไปกว่านี้เพราะทองคำยังเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ที่จีนและอินเดียมีความต้องการสูง รวมถึงหากราคาปรับลดลงมาก อาจลดการผลิตลง เพื่อดึงให้ราคาปรับขึ้นได้อีกด้วย" นายกมลธัญ กล่าว